ไม่บ่อยที่จะอ่านนิยายแล้วน้ำตาไหลไม่รู้ตัว จากที่ได้อ่าน“เมียรักของนับแสน” นิยายชุด เมียรัก โดย “มาลีรินทร์” นามจริง กัญญาวีร์ โคกฤทธิ์ ทำให้อิน เศร้าไปหลายนาที ซึ่งนิยายไม่ได้ให้ความสุข สนุกอย่างเดียวยังให้แง่คิด’ความดีสามารถเอาชนะทุกสิ่ง’ ดูอย่าง คาริสาใช้ความรัก ความดีงามพิชิตหัวใจ นับแสน เจ้าของไร่เหนือฟ้าได้อย่างงดงาม เชื่อว่า! ชีวิตจริงยังหลงเหลือคนแบบคาริสาอยู่บนโลกใบนี้บ้าง และจบเรื่องนี้นักเขียนปล่อยเรื่องใหม่ออกมาให้จับจองชื่อเรื่อง“ซาตานร้ายสยบรัก” พิมพ์ครั้งที่ 2 คงไม่ต้องเชียร์ เพราะนักเขียนออกงานกี่ปกก็ได้รับความสนใจจากนักอ่าน ขายหมดเกลี้ยงยอดทะลุเป้า เราเองเพิ่งเคยอ่านผลงานคงต้องขอเป็นแฟนอีกคนแล้ว และนิยายยังได้รับความสนใจจากนักแสดงดังด้วย โดยมาร์เปิดใจด้วยรอยยิ้ม
“สวัสดีค่ะ ชื่อ กัญญาวีร์ โคกฤทธิ์ ‘กัญญาวีร์’ แปลว่าผู้หญิงที่กล้าหาญ หมอดูบอกเป็นคนพื้นดวงแข็ง ใช้ชื่อนี้ยิ่งแข็งแกร่งห้าวหาญไปกันใหญ่ (หัวเราะ) ชื่อเล่น อ้อมดาวค่ะ แต่นักอ่านส่วนมากจะรู้จักในชื่อ ‘มาร์’ ซึ่งมาจากนามปากกาค่ะ ก่อนหน้านี้ไม่นานเคยทำงานเป็นบรรณาธิการของสำนักพิมพ์ใหญ่แห่งหนึ่ง แต่ปัจจุบันผันตัวมาเขียนหนังสืออย่างเดียวค่ะ ถ้าถามว่ามารู้ตัวตอนไหนว่าชอบเขียนนิยาย ก็ต้องบอกว่าก่อนเข้าโรงเรียนอนุบาลอีกมั้งคะ (แก่แดดเนอะ) คือแบบตอนนั้นเด็กมากๆ จำอะไรไม่ค่อยได้แล้ว แต่ที่จำได้คือตอนที่นั่ง นอน เดิน ไปคิดแก้บทละครชาวบ้านเขาที่ดูในทีวี หนีไปอยู่คนเดียว พูดคนเดียว คิดว่าถ้าเราเป็นคนสร้างละครนะ จะไม่ให้จบแบบนี้หรอก จะให้เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ตอนนั้นเลยเข้าใจว่าตัวเองอยากทำงานเบื้องหลัง จึงตั้งใจแน่วแน่ว่าจะเรียนนิเทศศาสตร์ตั้งแต่นั้น เป็นคนเรียนค่อนข้างดี แต่ที่ดีที่สุดชอบที่สุดคือวิชาภาษาไทย ตอนนั้นก็ยังไม่เอะใจว่าตัวเองอยากเป็นนักเขียน พอโตมาได้เรียนนิเทศศาสตร์สมใจ แต่ก็รู้สึกว่ามันยังไม่ใช่ มาเริ่มเขียนนิยายจริงจังตอนที่มีช่วงหนึ่งอ่านหนังสือนิยายหนักมาก ยิ่งอ่านยิ่งสนุก แต่ก็เหมือนเดิมคือ ยังชอบไปเปลี่ยนบทนิยายเขา (ในจินตนาการนะคะ) เลยเริ่มเขียนเองตั้งแต่นั้นค่ะ นับเวลาที่เขียนนิยายมาได้ก็ 10 กว่าปีแล้ว นิยายเรื่องแรกที่ได้ตีพิมพ์ก็คือนิยายเรื่องแรกที่เขียนจบในชีวิตค่ะ ชื่อเรื่อง “ซาตานร้ายสยบรัก” ใช้นามปากกาว่า ‘มาหยา’ กับสำนักพิมพ์ทัช พับลิเคชั่นส แนวรักดราม่า-โรแมนติก ตอนนี้นามปากกาที่ใช้ออกงานทั้งหมดมี ‘มาหยา’ เป็นชื่อที่พี่ชายเรียกเราตั้งแต่เด็ก จนตอนนี้ก็ยังเรียกอยู่ มันเรียกของมันคนเดียว ไม่ปรึกษาใครเลยค่ะ (หัวเราะ) ใช้ออกงานกับสำนักพิมพ์ทัชค่ะ‘มาลีรินทร์’ ตั้งเพราะคล้องกับนามปากกาแรก และมาร์ก็ชอบความหมายของคำนี้มากค่ะ ใช้สำหรับทำมือและขาย E-book อีกนามปากกาคือ ‘Mar’ เปิดไว้แต่ยังไม่ได้ใช้กับที่ไหนค่ะ ที่ต้องใช้หลายนามปากกาเพื่อเป็นการให้เกียรติสำนักพิมพ์ที่เราออกงานด้วยค่ะ บางที่อาจมีกฎระบุในสัญญา บางที่อาจไม่มี แต่เป็นที่รู้กันว่าเป็นมารยาทที่ไม่ควรทำค่ะ หากจะเอานามปากกาที่เกิดกับอีกที่ ไปใช้กับอีกที่ กระแสตอบรับนิยายเรื่องแรกดีมากค่ะ ดีจนมาร์นึกว่าฝันไปด้วยซ้ำ คือมาร์เป็นคนมีโชคด้านนี้ด้วยมั้ง (หัวเราะ) คือประสบความสำเร็จตั้งแต่ออกนิยายเล่มแรกเลย ตอนเปิดตัวขายในงานสัปดาห์หนังสือปี 2557 หนังสือหมดเกลี้ยงบูธสำนักพิมพ์ทั้งที่ยังไม่จบงานสัปดาห์หนังสือเลยค่ะ ยอด E-book เดือนแรกในชีวิต (แบ่งเปอร์เซ็นต์กับสำนักพิมพ์นะคะ) สูงมากจนน่าตกใจ และหลังจากนั้นมาไม่ว่าจะออกนิยายกี่เล่ม เปิดตัวก็จะขายหมดเกลี้ยงทุกงานเลยค่ะ
นิยายที่สร้างชื่อให้คนรู้จักมากขึ้นคือเรื่อง “เมียรักของนับแสน”ค่ะ คนรู้จักมากเพราะตอนที่เริ่มลงนิยายในเด็กดีติดอันดับหนึ่งในหมวดซึ้งกินใจ ยาวนานเกือบสามเดือนเห็นจะได้ค่ะ และส่วนหนึ่งก็เป็นแฟนๆ ที่ตามๆ กันมาตั้งแต่เล่มแรกด้วยเลยยิ่งขายดีเข้าไปใหญ่ ส่วนตัวถนัดนิยายแนวดราม่า บีบคั้นจิตใจและโรมานซ์นิดๆ ค่ะ เพราะส่วนตัวชอบอ่านแนวนี้ด้วยเลยเข้าถึงที่สุดค่ะ ยิ่งเขียนยิ่งมัน ยิ่งสนุกเอง ความคิดแรกตอนเริ่มเขียนนิยายคืออยากจะเขียนเอาไว้อ่านเอง เขียนแนวที่ชอบ ทุกวันนี้มาร์ก็ยังสามารถหยิบงานตัวเองออกมาอ่านได้ทุกเรื่องนะคะ อ่านไปยังรู้สึกสนุก เจ็บจี๊ดๆ เป็นระยะ ไม่ได้หวังให้นิยายของตัวเองสอดแทรกความรู้ ธรรมมะ วิธีการใช้ชีวิตอะไรมากมาย แต่พอเขียนสิ่งที่เรารู้ เราชอบ สิ่งที่เราถนัด คนอ่านจะสามารถรับและเอาไปปรับใช้ประโยชน์ได้เองค่ะ นิยายที่มี 2 คู่ในเรื่องเดียวกัน มีค่ะ ตั้งแต่เรื่องแรกเลยด้วย ยิ่งเรื่องที่สองยิ่งมันมือ มีคู่หลัก 2 คู่ คู่รองอีก 2 คู่ กลัวคนอ่านไม่คุ้มค่ะ (หัวเราะ) กระแสคู่รองดีกว่าคู่แรกเป็นเรื่องปกติค่ะ เพราะนักเขียนมักจะไม่เกร็งเวลาที่เขียนคู่รอง แต่มาร์ไม่เคยเจอนะคะ อย่างซาตานร้ายสยบรักที่มี 2 คู่ ความตั้งใจตอนแต่งคืออยากให้ความสำคัญเท่าๆ กันเลย แต่คู่หลักก็ยังเด่นกว่าอยู่ดีค่ะ อาจเพราะมาร์ไม่เคยเกร็งเวลาเขียนมั้ง (หัวเราะ) มาร์เขียนนิยายตามอารมณ์ซะส่วนมากค่ะ ถ้าตอนไหนรู้สึกอารมณ์ตัวเองไม่ได้จะไม่เขียนเลย ก่อนเขียนนิยายทุกวันก็ต้องนั่งบริ้วตัวเองก่อน ถึงได้ออกงานช้าอย่างเต่าเลยค่ะ แต่มาร์ก็ชอบแบบนี้นะ เพราะตอนเขียนเราสนุก จึงมั่นใจได้ว่าคนอ่านต่อจากเราก็จะสนุกและชอบไม่แพ้กัน งานที่มาร์ออกจึงได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามทุกเล่ม ไม่มีเล่มไหนเลยที่แป๊กหรือขายไม่ดี (หัวเราะ) ขี้โม้เนอะ ส่วนตัวมาร์คิดว่าที่สมัยนี้มีนักเขียนใหม่ๆ ที่เขียนงานแป๊บๆ ปั๊บๆ ก็ออกมาสามสิบสี่สิบเล่ม แต่ชื่อก็ยังไม่เป็นที่รู้จักเลย เพราะงานเขาไม่สื่ออารมณ์ใดๆ ส่วนหนึ่งค่ะ มาร์จึงคิดว่าเวลาสำคัญมาก บางทีเราต้องปล่อยให้ถ้อยคำในนิยายตกตะกอนก่อน งานจึงจะออกมาดีที่สุดค่ะ
ส่วนนิยายเรื่องล่าสุดคือ “เมียรักของนับแสน” ค่ะ เป็นนิยายที่มาร์ลองทำมือขายเองเล่มแรก เป็นนิยายที่มีครบทุกแนว ทุกรสชาติ รัก ดราม่านิดๆ โรมานซ์ ฮา หวาน ถ้าถามว่าเสน่ห์ของนิยายตัวเองอยู่ที่ไหน มาร์ว่าอยู่ที่ภาษาและการดำเนินเรื่องนะคะ ส่วนตัวมาร์ชอบอ่านนิยายภาษาสวยเลยพอได้อานิสงส์มาบ้าง ภาษาสวยในที่นี้ไม่ใช่การประดิษฐ์คำให้เลิศหรู วิลิสมาหราอะไรนะคะ แต่คือการไม่ดูถูกภาษาไทย ใช้คำถูกต้องตามความหมาย ลื่นไหล เชื่อมประสานไม่สะดุด มันทำให้เราอ่านแล้วเชื่อ ยิ่งได้ทำงาน บ.ก.มาหลายปีเลยได้ประสบการณ์มาค่อนข้างมาก เดินเรื่องแบบไหนคนอ่านจะไม่ด่า ร้อยเรียงความสำคัญของฉากอย่างมีชั้นเชิง จึงทำให้คนอ่านยังติดตามงานเราอยู่ค่ะ เราต้องไม่ดูถูกคนอ่านด้วย เราเขียนงานเพื่อขายต้องคำนึงว่าคนที่ซื้อไปจะคุ้มกับเงินที่เขาจ่ายให้เรามั้ย ไม่ใช่ทั้งเรื่องมีแต่น้ำ วกไปวนมา เล่มหนาๆ ได้อ่านจริงไม่กี่บาท ที่สำคัญคนเราต้องมีการพัฒนา หากบอกว่านิยายเรื่องนี้สนุกแล้ว เรื่องหน้าเราต้องเขียนให้ดี ให้สนุกกว่านี้ไปอีก ซึ่งมาร์ออกนิยายมา 5 เล่ม มาร์ยังได้รับคำชื่นชมแบบนั้นอยู่ตลอด ถือว่าประสบความสำเร็จในก้าวหนึ่งอย่างที่ตั้งเป้าหมายไว้ค่ะ ถามว่ารู้สึกยังไงกับเรื่องละเมิดลิขสิทธิ์นิยาย คนที่รู้จักมาร์จะรู้ว่ามาร์ต่อต้าน และรังเกียจคนที่ทำแบบนี้มาตลอดชีวิตมาร์นะคะ เพราะคนแบบนี้เปรียบเสมือนขโมย ไม่คิด ไม่ทำ แต่ลักขโมยของคนอื่นไปหาประโยชน์ หากกฎหมายลิขสิทธิ์บ้านเราเข้มแข็งเหมือนต่างประเทศสักหน่อย คนพวกนี้จะมีหนทางหากินน้อยลงค่ะ อันที่จริงคนพวกนี้มีทุกยุคทุกสมัยนะคะ มันจะไม่หมดไปถ้าเราไม่เอาจริงเอาจัง มีอีกอย่างที่นักเขียนบางคนชอบทำกัน คือเอานิยายที่ชอบหลายๆ เรื่องมาโม มาผสมปั่นรวมกัน โน่นนิด นี่หน่อย ขโมยฉากเรื่องนั้นมาฉาก เรื่องนี้มาฉาก ก็ได้นิยายมาเรื่องนึงแล้ว แบบนี้กฎหมายบ้านเราก็เอาผิดไม่ได้ ตอนมาร์ทำ บ.ก.หากเจอก็จะกาหัวไว้ว่านักเขียนคนไหนที่ทำแบบนั้น เพราะเราอ่านหนังสือมามากจึงผ่านตามาเยอะค่ะ ก็พอจะจับได้บ้างค่ะ อีกเรื่องที่คล้ายเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์เหมือนกันคือ นามปากกาค่ะ บางคนเห็นคนนั้นคนนี้ดัง ก็ตั้งนามปากพลิกแพลงจากต้นแบบไปแค่ตัวเดียว แถมยังตั้งชื่อนิยายลอกเขาอีก เหมือนเด๊ะๆ ก็มีค่ะ อันนี้มาร์ว่าต้องอยู่ที่พื้นฐานจิตใจและจิตสำนึกด้วยค่ะ สอนกัน บอกกันยากค่ะ สำหรับพล็อตนิยายเกิดขึ้นเวลาใด ? อืม... ของมาร์เกิดขึ้นได้ทุกเวลาเลยนะคะ บางทีอ่านๆ หนังสืออยู่ก็จะปิ๊งขึ้นมาในหัว ทั้งที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องที่อ่านเลย (หัวเราะ) ดูหนัง ฟังเพลง กินข้าว มาได้หมดค่ะ พอเราได้แรงบันดาลใจแม้เพียงเล็กน้อย ก็จะสามารถเอาไปต่อยอดสร้างเรื่องราวได้แล้วค่ะ
หากแฟนๆ สนใจติดตามงานเขียนของนักเขียนตัวอวบๆ คนนี้มีช่องทางดังนี้ค่ะ
เฟซบุ๊ก : มาหยา มาลีรินทร์ นักเขียนแก้มป่อง
แฟนเพจ : มาหยา / มาลีรินทร์
เร็วๆ นี้ประมาณ กุมภาพันธ์ จะมีนิยายหมดสัญญาเรื่อง ซาตานร้ายสยบรัก ที่มาร์นำมารีไรท์เพิ่มตอนพิเศษใหม่ให้แฟนๆ ได้จับจองกัน ในรูปแบบทำมือค่ะ ต่อจากนั้นก็จะเป็นเรื่อง “อาริร้ายอาริรัก” ที่แฟนๆ ตามกันมานาน คราวนี้ได้ฤกษ์เขียนต่อสักที ไม่เกินกลางปีหน้ารับรองได้ฟินกระจายกันแน่นอนค่ะ ในรูปแบบทำมืออีกเช่นเดียวกันนะคะ ช่วงนี้มาร์เพลินกับการทำเอง ขายเองค่ะ แต่ก็ยังจะมีงานออกกับสำนักพิมพ์ทัชเรื่อยๆ ค่ะ ฝากติดตามด้วยนะคะ”
เฉลยคำถามนิยายของ“แวววิวาห์” : ขยี้รักคาสโนว่า
เฉลยคำถามนิยายของ“เกณิกา” : โซ่รักบ่วงพันธนาการ
คำถามนิยายของ“มาลีรินทร์” : นิยายทำมือเรื่องล่าสุดชื่อเรื่อง?
ทราบคำตอบเขียนชื่อ - ที่อยู่และคำตอบ ลงไปรษณียบัตรส่งมาที่ เปิดหน้านักเขียน เลขที่ 369 Chez Nona Court (202) ซ.ลาดพร้าว 23 แขวง จันทรเกษม เขต จตุจักร กรุงเทพฯ 10900 ผู้ตอบถูก 5 ท่าน ได้รับหนังสือนิยายจาก มาหยา, มาลีรินทร์ (ขอบคุณที่สนับสนุนของรางวัล)