พลเอก อนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เปิดงาน ผู้สูงอายุไทยก้าวไกลไทยแลนด์ 4.0 นวัตกรรมความรู้ทางการเงินเพื่อสังคมผู้สูงอายุ ภายใต้แนวคิดสร้างวินัยการออมชีวิตพร้อมเมื่อสูงวัย เพื่อส่งเสริมการสร้างวินัยการออมสำหรับคนทุกช่วงวัย ด้วยการเตรียมความพร้อมก่อนเข้าสู่วัยสูงอายุ ที่มีคุณภาพ โดยมีข้าราชการเจ้าหน้าที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงแรงงานและหน่วยงานในเครือข่ายบูรณาการคณะทำงานประชารัฐเพื่อสังคมจำนวน 300 คน เข้าร่วมงาน ณ ห้องประชุมศาสตราจารย์สังเวียน อินทรวิชัย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ทั้งนี้ประเทศไทยก้าวสู่สังคมสูงอายุ มีสัดส่วนประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปมากกว่าร้อยละ 10 ของประชากรทั้งประเทศ ตั้งแต่ปี 2548 เด็กเกิดใหม่มีอัตราลดลงเรื่อยๆทำให้รัฐบาลจำเป็นต้องดำเนินการเร่งด่วนในเรื่องของการวางระบบหรือรูปแบบการเตรียมความพร้อมในด้านต่างๆ เพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุโดยเฉพาะการออมในช่วงระยะเวลา 2 ถึง 3 ปีที่ผ่านมา
จาก ผลสำรวจสถานการณ์หนี้ครัวเรือนไทยปี 2560 ของสำนักงานเศรษฐกิจการคลังพบว่า ปัจจุบันครัวเรือนไทยกว่าร้อยละก้าว 91.1 ยังมีหนี้สินอยู่และมีเพียงร้อยละ 8.9 ไม่มีหนี้สิน โดยครัวเรือนที่ยังมีหนี้ส่วนใหญ่ร้อยละ 32.4 เป็นหนี้เพื่อการใช้จ่ายทั่วไปรองลงมาร้อยละ 30.5 เป็นหนี้เพื่อซื้อทรัพย์สิน เช่น บัตรเครดิต จากสถิติของบริษัทเครดิตข้อมูลแห่งชาติหรือเครดิตบูโรพบว่า กลุ่มคน Gen Y หรือกลุ่มคนวัยเริ่มต้นทำงานอายุต่ำกว่า 30 ปี เป็นกลุ่มคนที่มีแนวโน้มเป็นหนี้บัตรเครดิตและใช้สินเชื่อส่วนบุคคลมากขึ้น แนวโน้มที่จะเป็นหนี้เสียเร็วขึ้นด้วย เพราะกลุ่มคนวัยนี้ยังไม่มีการ ยับยั้งชั่งใจในการจับจ่ายใช้สอย รวมทั้งยังพบว่าแนวโน้มน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง กว่า 90 วัน อายุระหว่าง 29-30 ปี โดยมีอัตราส่วน1 ใน5 ซึ่งไม่นับรวมหนี้นอกระบบหนี้สหกรณ์ออมทรัพย์หนี้กองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ) มีอัตราการผิดนัดชำระหนี้สูงเช่นกันโดยค่าเฉลี่ยนี่ต่อคนได้เพิ่มขึ้นจาก70,000 บาทต่อคน ในปี 2553 เป็น 150,000 บาท ต่อคนในปี 2559 จากการติดตามและประเมินผลแผนผู้สูงอายุแห่งชาติทุกระยะ 5 ปี 10 ปีและ 15 ปีบ่งชี้ว่าคนไทยเตรียมความพร้อมน้อยมาก หรือไม่เตรียมความพร้อมเลย ซึ่งผลการประเมินทั้ง 3 ช่วงพบว่าร้อยละของคนไทยเตรียมความพร้อมเพื่อผู้สูงอายุที่มีคุณภาพไม่ถึงร้อยละ 30
ทั้งนี้ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.)โดยกรมกิจการผู้สูงอายุ(ผส.)ในฐานะภาครัฐ เป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลักในการส่งเสริมรณรงค์ด้านความตระหนักและเตรียมความพร้อมประชากรทุกช่วงวัย ให้เกิดการบูรณาการความร่วมมือภายใต้คณะทำงานประชารัฐเพื่อสังคม( E6) ด้านการออมเพื่อการเกษียณอายุ ซึ่งเป็นเครือข่าย ความร่วมมือในส่วนภาครัฐโดยมีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพหลัก เพื่อมุ่งเน้นส่งเสริมให้สังคมเกิดความตระหนักและเกิดการออมในทุกช่วงวัย สร้างวินัยการออมเงินให้เกิดขึ้นแก่ประชาชนทุกระดับ เพื่อเป็นสูงอายุที่มีคุณภาพและความสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน
พลเอก อนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวว่า สัดส่วนของประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไป มากกว่าร้อยละ 10 ของประชากรทั้งประเทศ ขณะที่เด็กใหม่ก็ลดลงเรื่อยๆ จำเป็นอย่างยิ่งต้องดำเนินการโดยเร่งด่วนคือการวางระบบหรือรูปแบบการเตรียมความพร้อมให้เกิดขึ้นในสังคมไทยโดยเฉพาะการออม โดยในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ระดับหนี้ภาคครัวเรือนมีปริมาณที่สูงอย่างก้าวกระโดด ผลการสำรวจปี 2560 มีหนี้ภาคครัวเรือนสูงถึง 91.1 สะท้อนให้เห็นว่าประเทศไทยมีภาวะหนี้สินภาคครัวเรือนอยู่มาก
โดยแผนผู้สูงอายุแห่งชาติฉบับที่ 2 (พ. ศ. 2545-2564 ) ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 1 พ.ศ. 2552 ยุทธศาสตร์ที่ 1 กำหนดให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการเตรียมความพร้อมของประชากรเพื่อวัยสูงอายุที่มีคุณภาพใน 5 มิติได้แก่ ด้านสุขภาพ ด้านเศรษฐกิจรายได้ ด้านสังคม ด้านสภาพแวดล้อม และบริการสาธารณะและด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม โดยส่งเสริมองค์ความรู้ในการเตรียมความพร้อมที่จำเป็นก่อนการเป็นผู้สูงอายุ รวมทั้งส่งเสริมเครือข่ายในชุมชนเตรียมเข้าเตรียมการรองรับสังคมผู้สูงอายุโดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในฐานะที่เป็นคณะทำงานประชารัฐเพื่อสังคมด้านการออมเพื่อการเกษียณอายุได้เข้ามามีบทบาทร่วมเป็นภาคีเครือข่ายกับกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ในการขับเคลื่อนส่งเสริมและสนับสนุนองค์ความรู้ผ่านคลังความรู้ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย แก่กลุ่มแรงงานในระบบแรงงานนอกระบบผู้สูงอายุ ในช่องทางสื่อประชาสัมพันธ์และกิจกรรมต่างๆ อย่างต่อเนื่องโดยปี 2561 จะดำเนินการขยายความรู้ความร่วมมือไปยังเครือข่ายผู้สูงอายุจำนวน 400 แห่งทั่วประเทศ
ทั้งนี้การสร้างวินัยการออมชีวิตพร้อมเมื่อสูงวัยเป็นการจัดงานที่มุ่งเน้นการสร้างความตระหนักให้เกิดขึ้นเป็นการเตรียมความพร้อมสร้างวินัยการวางแผนทางการเงินให้เกิดขึ้นแก่ข้าราชการเจ้าหน้าที่รวมถึงประชาชนทุกระดับเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมก่อนเข้าสู่วัยสูงอายุที่มีคุณภาพอีกครั้งจะขยายผลเพื่อสร้างนักส่งเสริมการออมระดับชุมชนในอนาคต