เบทาโกร ขยายสินค้าสู่ตลาดต่างประเทศ จับกลุ่มผู้บริโภคระดับกลาง-บน พร้อมสร้างแบรนด์ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มประเทศชั้นนำ ตอกย้ำความเป็น เบอร์ 1



         นายวสิษฐ แต้ไพสิฐพงษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ เครือเบทาโกร แถลงข่าวถึงทิศทางธุรกิจอาหารเครือเบทาโกร ปี 2015 ในงาน THAIFEX - World of food ASIA 2015 งานแสดงสินค้าอาหาร ซึ่งจัดขึ้น ณ อาคารชาเลนเจอร์ เมืองทองธานีว่า เครือเบทาโกร เริ่มรุกตลาดต่างประเทศ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2523 โดยส่งสินค้าแปรรูปเนื้อไก่สดและเนื้อไก่แช่แข็งไปจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศแรก ธุรกิจส่งออกสินค้าอาหารของเบทาโกร มีอัตราเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพราะได้รับการยอมรับจากต่างประเทศในเรื่องคุณภาพของสินค้าและจริยธรรมในการดำเนินธุรกิจ ทำให้เกิดการร่วมลงทุนกับบริษัทชั้นนำในต่างประเทศในการผลิตและพัฒนาคุณภาพอาหารปลอดภัย รวมถึงการส่งออกผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายไปในประเทศต่างๆ จากเริ่มแรกที่ญี่ปุ่น จนมาถึงตลาดยุโรป ปัจจุบันขยายครอบคลุมมากกว่า 40 ประเทศทั่วโลก เบทาโกรจึงมีแผนในการสร้างแบรนด์สินค้า ทั้งแบรนด์  S-Pure ผลิตภัณฑ์อาหารคุณภาพระดับพรีเมี่ยม และแบรนด์ BETAGRO ผลิตภัณฑ์อาหารคุณภาพมาตรฐาน ในกลุ่มประเทศชั้นนำ รวมถึงเน้นการขยายสินค้าอาหารสดและอาหารแปรรูปใปในตลาดใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการตลาดระดับกลาง-บน

     “เพื่อตอกย้ำความเป็นเบอร์ 1 ในด้านคุณภาพ เบทาโกรเน้นกลยุทธ์การสร้างแบรนด์สินค้าในกลุ่มประเทศชั้นนำ ยกตัวอย่างเช่น ยุโรป สินค้ากลุ่มยากิโทริ (YAKITORI) หรือไก่ย่างเสียบไม้สไตล์ญี่ปุ่น แบรนด์ BETAGRO เป็นที่ต้องการอย่างมากของตลาดในระดับบน เพราะเป็นสินค้าแฮนเมด (Hand Made) ย่างถ่านด้วยมือ 100% การทำตลาดสินค้ากลุ่มนี้ เราได้คู่ค้าที่มีศักยภาพในการกระจายสินค้าเข้าไปในซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำ มีการทำกิจกรรมทางการตลาดต่างๆ ร่วมกันอย่างต่อเนื่อง  ตลาด ฮ่องกง ถือเป็น Success Story ของแบรนด์ S-Pure เพราะเราได้พาร์ทเนอร์ที่ดี ประกอบกับการวางตำแหน่งของสินค้าจัดอยู่ในระดับพรีเมี่ยมเกรด ซึ่งตอบรับกับกำลังซื้อของคนในฮ่องกง ส่วน สิงคโปร์ เบทาโกรจับมือกับ BIG BOX ไฮเปอร์มาร์ทที่มีชื่อเสียง นำสินค้าแบรนด์ BETAGRO ไปวางจำหน่ายในพื้นที่เฉพาะ ที่ทางห้างฯ จัดไว้สำหรับเบทาโกรโดยตรง สามารถทำกิจกรรมกับทาง BIG BOX เพื่อเป็นประโยชน์ในการเรียนรู้ตลาดในอนาคต” นายวสิษฐกล่าว

       สำหรับทิศทางธุรกิจอาหารของเครือเบทาโกรต่อจากนี้ จะมุ่งเน้นการศึกษาและพัฒนาสินค้าใหม่ๆ ที่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าหรือผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญในเรื่องอาหารสุขภาพ (Healthy Foods) เช่น ผลิตภัณฑ์ Low Fat, Low Sodium ฯลฯ ส่วนในเรื่องบรรจุภัณฑ์ (packaging) จะมีการปรับขนาดให้เล็กลง สอดรับกับผู้บริโภคมีขนาดครอบครัวที่เล็กลง และต้องการความสะดวกสบายมากขึ้น

       โดยในปีนี้ ตลาดในประเทศ เครือเบทาโกรได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ โดยมุ่งตอบโจทย์ความต้องการและการเข้าถึงผู้บริโภค ได้แก่ สินค้าแบรนด์ BETAGRO ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ไส้กรอก BETAGRO Low Fat  สินค้าแบรนด์ Itoham แตกไลน์สินค้า ได้แก่ Pork Loin Ham, Smoked Bacon, Sandwich Ham และสินค้า แบรนด์ S-Pure จะเปลี่ยน Packaging ของ S-Pure Onsen Egg (ไข่ออนเซ็น) ส่วนตลาดต่างประเทศ เน้นขยายตลาดประเทศในกลุ่มเออีซี (AEC) และกลุ่มตะวันออกลาง เพราะเป็นกลุ่มตลาดเกิดใหม่ และมองเห็นถึงศักยภาพในการเติบโต ในส่วนของผลิตภัณฑ์ จะขยายสินค้ากลุ่ม ยากิโทริ (YAKITORI) ไปในประเทศต่างๆ มากขึ้น โดยเฉพาะในแถบยุโรป นอกจากนี้ เครือเบทาโกร ได้ออกแบรนด์สินค้าใหม่ คือ บาโรโน่ (BARONO) ซึ่งเป็นแบรนด์สินค้า Non-Halal เช่น ผลิตภัณฑ์เนื้อหมูสดคุณภาพสูง ผลิตภัณฑ์เนื้อหมูปรุงสุก และไส้กรอก สำหรับลูกค้าในกลุ่มประเทศมุสลิม