สสส. ประสบความสำเร็จสร้างกิจกรรมโรงพยาบาลต้นแบบ 4 ภาค สร้างเสริมสุขภาพด้านการจัดบริการอาหารสุขภาพลดหวานมันเค็ม



สสส.เปิดตัวโรงพยาบาลต้นแบบสร้างเสริมสุขภาพ 4  ภาค “รพ.รามาธิบดี-รพ.สุราษฎร์ธานี-รพ.พะเยา-รพ.สุรินทร์” ประสบความสำเร็จเป็นต้นแบบด้านการจัดบริการอาหารสุขภาพ ลดหวาน มัน เค็ม เผยช่วย 4 ลด “ลดการเกิดโรค-ลดภาวะแทรกซ้อน-ลดการตาย-ลดภาระค่าใช้จ่าย ในกลุ่มโรควิถีชีวิต ความดันโลหิตสูง หัวใจ หลอดเลือดสมอง และไตเรื้อรัง เตรียมขยายโรงพยาบาลต้นแบบอีก 12  แห่งทั่วประเทศ ภายในปี 2561

ดร.นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมวิถีชีวิตสุขภาวะ สสส. กล่าวว่า สสส.ได้ผลักดันการลดการบริโภคอาหารสุขภาพลดหวานมันเค็ม  เพื่อให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพในโรงพยาบาล จึงได้จัดโครงการ “พัฒนาต้นแบบโรงพยาบาลสร้างเสริมสุขภาพในด้านการจัดบริการอาหารสุขภาพ ลดหวาน มัน เค็ม” โดยเน้นกลุ่มเป้าหมายทั้งประชาชนที่มารับบริการในโรงพยาบาลและบุคลากรโรงพยาบาล เพื่อสร้างเสริมสุขภาพต้นแบบ ในการลดหวานมันเค็ม ที่เกิดจากการสร้างพลังและการมีส่วนร่วมของบุคลากรในโรงพยาบาลและชุมชน โดยประกอบด้วยโรงพยาบาลต้นแบบ จำนวน 4 แห่ง แบ่งเป็น 4 ภาค ได้แก่ โรงพยาบาลรามาธิบดี  (ภาคกลาง) โรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี (ภาคใต้)  โรงพยาบาลพะเยา (ภาคเหนือ) และโรงพยาบาลสุรินทร์ (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) เพื่อกำหนดเป็นเป้าหมายหลักในการพัฒนาลดปัญหาโรควิถีชีวิตที่สำคัญ ได้แก่  ความดันโลหิตสูง หัวใจ หลอดเลือดสมอง และไตเรื้อรัง ใน 4 ด้าน คือ ลดการเกิดโรค ลดภาวะแทรกซ้อน ลดการตาย ลดภาระค่าใช้จ่าย  ซึ่งในปีหน้าจะเพิ่มเติมโรงพยาบาลต้นแบบอีกจำนวน 12  แห่งทั่วประเทศ

ดร.นพ.ไพโรจน์ กล่าวว่า โครงการดังกล่าวถือเป็นนโยบายที่จะบูรณาการงานสร้างเสริมสุขภาพ เพื่อให้เกิดนโยบายและสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการสร้างสุขภาพ ทั้งในโรงพยาบาล และสังคม เพื่อให้บุคลากร นักศึกษา ผู้รับบริการและญาติ รวมถึงประชาชนทั่วไป มีสุขภาพที่ดีและเกิดสังคมสุขภาวะ  ถือเป็นการเพิ่มทางเลือกอาหารสุขภาพที่เข้าถึงง่าย การสร้างความมีส่วนร่วมทั้งในระดับหน่วยงานและบุคคล เพื่อให้เกิดความตระหนักและเพิ่มทักษะในการเลือกอาหารสุขภาพ จึงเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายจะต้องร่วมช่วยกัน นำไปสู่การเรียนรู้เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพและการจัดสภาพแวดล้อมเพื่อให้เอื้อต่อการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมสุขภาพ  ตลอดจนการรณรงค์เพื่อสร้างกระแสให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและยกระดับคุณภาพของแต่ละโรงพยาบาลและชุมชน ส่งผลให้คนไทยลดการบริโภคอาหารหวาน  มัน  เค็ม เพิ่มการออกกำลังกาย ลดภาวะเครียด  ซึ่งคาดว่าทำให้เกิดการจัดการอาหารที่ปลอดภัย เกิดมาตรการทางสังคม  มีปัจจัยแวดล้อมที่เหมาะสมให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ  เพื่อให้เป็นโรงพยาบาลสร้างเสริมสุขภาพต้นแบบในการลดหวานมันเค็มที่เกิดจากการมีส่วนร่วมของบุคลากรในโรงพยาบาลและชุมชน

ด้าน ผศ.นพ.สุรศักดิ์  กันตชูเวสศิริ ที่ปรึกษาโครงการโรงพยาบาลต้นแบบสร้างเสริมสุขภาพด้านการจัดบริการสุขภาพลดหวานมันเค็ม  กล่าวว่า ที่ผ่านมาการดำเนินชีวิตในปัจจุบันของประชาชนมีพฤติกรรมสุขภาพที่ไม่เหมาะสม  ได้แก่ บริโภคอาหารที่ไม่สมดุลกับความต้องการของร่างกายบริโภคมากเกินความพอดี  บริโภคอาหารที่ไม่ปลอดภัย  ขาดการออกกำลังกายและมีภาวะเครียดจนส่งผลต่อสุขภาพ ซึ่งเป็นความเสี่ยงของการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรังในหลาย ๆ โรค โดยเฉพาะโรคหลอดเลือดหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคไต โรคมะเร็ง เบาหวานและความดัน  ซึ่งกำลังเป็นภาวะวิกฤตระดับโลก (Global Crisis)  โครงการ “พัฒนาต้นแบบโรงพยาบาลสร้างเสริมสุขภาพในด้านการจัดบริการอาหารสุขภาพ ลดหวาน มัน เค็ม” ได้วางกรอบการทำงานแบ่งเป็น 4  ภาค จำนวน 4 โรงพยาบาลนำร่อง ขึ้นในปีนี้ โดยเริ่มต้นของการทำงานจะต้องเข้าไปทำความเข้าใจกับฝ่ายโภชนาการของโรงพยาบาลต้นแบบทั้ง 4  แห่งก่อน โดยแยกเป็นกลุ่มที่  1 ได้แก่ แพทย์  พยาบาล  นักวิชาการและเจ้าหน้าที่ทั่วไป กลุ่มที่  2 ได้แก่ ผู้ปรุงอาหาร  ประกอบด้วย  โภชนากร  แม่ครัวในกลุ่มงานโภชนาการ และกลุ่มแม่ครัวร้านสวัสดิการโรงพยาบาล  โดยทุกกลุ่มจะต้องร่วมกันวางแผนกับนักโภชนาการ ว่าทำอย่างไรจะต้องลดความหวานมันเค็ม ลง แต่รสชาติของอาหารจะยังคงเหมือนเดิม จึงใช้วิธีการปรับสูตรอาหาร การฝึกอบรมแม่ครัว ประจำร้านค้าในโรงพยาบาล และมีการฝึกอบรมในเชิงปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง โดยมีนักโภชนาการคอยดูแล และให้คำปรึกษา

“โจทย์ คือ ร้านค้าแต่ละร้าน จะต้องสร้างเมนูเพื่อสุขภาพขึ้นมา  1 ชนิด ตามหลักโภชนาการลดความหวานมันเค็ม โดยเรียกว่า “  1 ร้าน  1 เมนูสุขภาพ”  ยกตัวอย่าง  กรณีร้านขายข้าวมันไก่  จะเป็นเมนูลักษณะของเนื้อไก่ไม่ติดมัน ส่วนน้ำซุป จะลดการใส่เกลือหรือน้ำปลา หรือทำอย่างไรก็ได้ให้ลดความเค็มลง ในครั้งแรกอาจจะลดเพียงแค่ 5 %  แล้วเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนถึง 20  เปอร์เซ็นต์  ซึ่งผลตอบรับจากประชาชนที่มารับประทานอาหารที่โรงพยาบาลนั้นดีมาก ๆ  แถมมีการลดราคาค่าอาหารให้ด้วย ถ้าสั่งเมนูเพื่อสุขภาพลดหวานมันเค็ม  จะลดราคาให้ 2  บาท ทำให้ประชาชนผู้บริโภคให้ความสนใจมากขึ้น”

 

ผศ.นพ.สุรศักดิ์  กล่าวต่อว่า ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา พบว่า มีผู้ป่วยด้วยโรคความดันโลหิตสูงในประชากรอายุ 15 ขึ้นไป สูงขึ้นมาก ทั้งยังพบว่ามีอัตราการเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาลด้วยโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และโรคไตวาย เพิ่มขึ้นอย่างมาก โครงการ “พัฒนาต้นแบบโรงพยาบาลสร้างเสริมสุขภาพในด้านการจัดบริการอาหารสุขภาพ ลดหวาน มัน เค็ม” ได้เข้ามามีส่วนสร้างระบบการจัดการบริการอาหารสุขภาพ ลดหวาน มัน เค็ม สร้างสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการเลือกบริโภคอาหารสุขภาพ รณรงค์สร้างกระแสให้ประชาชนรับรู้ ให้หันมาเลือกบริโภคอาหารสุขภาพลดหวาน มัน เค็ม เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายสามารถเข้าถึงอาหารสุขภาพ และสามารถเป็นแบบอย่างให้กับโรงพยาบาลและสถานบริการของรัฐอื่น ๆ ต่อไป