“บี-พีระพัฒน์”โปรดปรานนิยาย?“เพชรพระอุมา”เร่งอ่านหนึ่งปีจบ



มีโอกาสเจอะเจอศิลปินนักน้องหน้าเด็กแฟนคลับเหนียวแน่น   บี-พีรพัฒน์  เถรว่อง   ในงานแถลงข่าวคอนเสิร์ต“50 Anniversary Concert THE IMPOSSIBLES”  ทุกครั้งที่อาต้อย-เศรษฐาจัดงานใดมักเห็นศิลปินหน้าเด็กคนนี้ไปร่วมเป็นกำลังใจอยู่ตลอด แถมยังร่วมร้องเพลงกับรุ่นอาและรุ่นพี่  เบิร์ดกับฮาร์ท ในเพลงของวงอิมฯอีกด้วย  เมื่อได้เจอเลยกระแซะถามเรื่องงานและหนังสือเล่มโปรดบีกล่าวอย่างเป็นกันเอ๊งกันเอง

ซิงเกิ้ลก็เพิ่งปล่อยไปสองสามเดือนแล้วก็มีเพลง“น๊ะ” พี่บอยเป็นคนตั้งชื่อเพลงให้  แล้วก็เพลง“ควัน” และเพลง“ยังคงมีเพียงเธอ” ปล่อยไป 3 เพลง  จากที่ปล่อยเพลงออกไปแฟนๆซึ่งเป็นแฟนเพลงของผมจริงๆก็ให้การสนับสนุนเหมือนเดิมครับ   วงการเพลงปัจจุบันนี้ผมว่ามันเป็นวงจรโลกมันเปลี่ยนไปเทคโนโลยีมันเข้ามาทำให้อะไรๆมันเข้าถึงง่ายขึ้น มันก็เป็นเหมือนยุคสมัยก่อนก็เท่ากับเหมือนเรากลับมาจุดเริ่มต้นของดนตรีจริงๆก็คือ สมัยก่อนวงดนตรีก็เล่นแบบเดอะวงคลาสสิคไม่มีบันทึกเสียงอะไรถ้าอยากดูก็มาดูสด สิ่งที่เขาขายพวกโน้ตดนตรีครับ นั่นคือสิ่งที่พวกเขาขายได้แต่ก็ไม่ได้เงินมาก ได้เงินเป็นกอบเป็นกำคือจากการแสดง ตอนนี้มันก็กลับไปที่จุดเริ่มต้นก็คือต้องแสดง ซึ่งไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว เพราะเรามีความสุขทุกครั้งที่ได้ร้องเพลง  แฟนๆคลับผมโฮน่ารักมากไม่เยอะแต่นาน(เน้นเสียง) สิบปีตั้งแต่ไม่รวม RR&B นะฮะอันนั้นชุดแรกนั่นสิบเจ็บปีแล้ว มาเริ่มมีแฟนคลับจริงๆตั้งแต่เป็นเครสเซ็นโด้แฟนคลับก็ยังตามมาถึงทุกวันนี้   (เล่าไปหัวเราะไป)บางครั้งตั้งแต่มัธยมจนตอนนี้แต่งงานมีลูกกันไปแล้วก็ยังมาดูกัน  พูดตรงๆเรื่องของการทำเพลงเป็นอัลบั้มยากมากเลยตอนนี้ เพราะไม่ต้องแผ่นผีแล้วอะเข้ายูทูฟมันก็ดูดได้เลยมันมีแอฟมันมีอะไรเยอะแยะไปหมดอุปกรณ์มันไฮเทคมากก็ต้องวางแผนดีๆว่าเราจะทำยังไงกับมันก็ต้องเปลี่ยนวิธีการคิด การที่เราจะไปหารายได้จากการขายซีดีเหมือนเมื่อก่อนมันก็ไม่ใช่แล้ว เราก็ต้องคิดว่าเพลงตัวเนี่ยมันจะทำยังไงให้เรามีรายได้อันนี้ในด้านของการประกอบอาชีพนะฮะ แต่ในด้านความคิดสร้างสรรค์เราก็ทำงานเหมือนเดิมอยู่แล้ว เราเป็นนักร้องอาชีพเราทำงานศิลปะเราก็ต้องคิดเหมือนเดิมเปลี่ยนไปจากเดิมมากก็ไม่ได้ถามว่าไอ้พวกนั้นมันมีผลต่อการทำงานไหม มันก็มีผล ช่วงแรกๆที่เจอใหม่ๆมันท้อและตกใจว่า เฮ้ยมันเป็นไปถึงเพียงนี้เลยเหรอ มันไม่มีใครสนใจเลยคือพอปล่อยเพลงไปปุ๊ปหายๆๆไม่มีใครสนใจเลยจนเราตายแล้ว พอเจอแบบนี้ผมก็ถามเบน-ชลาธิท รุ่นน้องผม  ผมก็เห็นของเบนและเห็นของใครอีกหลายคน เบนก็ออกอัลบั้มก็ไม่ได้เป็นอย่างที่เคยเป็น เบนได้รายได้จากคอนเสิร์ตไม่ได้เกี่ยวกับซีดีแล้ว เราดูจากหลายๆคนเราก็เห็นว่าเราไม่ได้เป็นคนเดียวทุกคนเป็นเหมือนกันหมด แสดงว่าปัญหามันไม่ได้เกิดจากเราทำงานไม่ดีแล้วคนไม่ฟังแล้วปัญหาคือพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไปสังคมมันเปลี่ยนไปก็เลยยอมรับมันได้ก็ต้องเริ่มต้นใหม่หาวิธีใหม่ คิดจะมีคอนเสิร์ตกำลังวางแผนอยู่ครับ

                ผมอ่านครับ ผมนอนหนังสือเลยฮะ เพชรพระอุมา 48 เล่มผมก็อ่านจบแล้วใช้เวลาหนึ่งปี เพชรพระอุมา สนุกและมันท้าทายมาก อ่านมาตั้งแต่เด็ก ยิ่งตอนใกล้ๆจะจบมันจะขาดใจอะ อะไรวะอ่านมาตั้งปีหนึ่ง เดือนละ 2 เล่มครับรถติดก็หยิบขึ้นมาอ่าน(หัวเราะ) ผมเป็นหนอนหนังสือ พอจบเพชรพระอุมาผมก็อ่านหนังสือมาเรื่อยนะครับ  ผมอ่านทุกแนวนิยาย สารคดี ความคิด การ์ตูนผมอ่านหมดครับ แต่ผมชอบหลายแนว แต่เพชรพระอุมานี่ประทับใจมันรู้แบบฮู เราทำได้ไงวะ เราอ่านไปได้ไง ท้าทาย จากที่อ่านหนังสือมาเยอะผมได้ข้อคิดว่าอย่าตัดสินหนังสือจากปก เรื่องบางเรื่องปกเจ๋งมากเลย อะไรวะอ่าน 3 หน้าห่วยมากเลยแต่บางเรื่องปกไม่ดีข้างในสนุกมาก   งานเทศกาลหนังสือแรกๆผมไปบ่อยๆก็มีแฟนคลับมาคุย เขาก็น่ารักมากเลยครับเขาก็รู้ว่าเรามาดูมาซื้อของเขาก็ไม่ยุ่งมากให้เวลาเราเป็นส่วนตัว เวลาไปงานหนังสือผมก็ลากกระเป๋าไปใบหนึ่งใส่หนังสือเวลาไปทีหมดหลายพัน ผมเดินเลือกหนังสือไปเรื่อยๆไม่ได้มีจุดหมายว่าจะไปที่สำนักพิมพ์นี้ๆก็เดินดูไปเรื่อยไปเจอหนังสือเล่มที่ถูกใจก็หยิบๆๆ  การอ่านหนังสือก็คือการเพิ่มประสบการเพิ่มจินตนาการ เพิ่มประสบการณ์ก็คือ บางครั้งสิ่งที่เราต้องเจอในชีวิตเหมือนกับเราไม่จำเป็นต้องหกล้มเอง เพื่อที่จะเรียนรู้เราไปอ่านจากคนอื่นก็ได้ เราไปอ่านในหนังสือเราก็เจอแล้วว่าถ้าทำอย่างนี้มันจะหกล้มนะเราไม่จำเป็นต้องไปล้มไม่ต้องไปเจ็บเองก็ได้ เราอ่านหนังสือเราก็จะรู้ก่อน และอีกเรื่องหนึ่งประสบการณ์แล้วก็จินตนาการ จินตนาการคือ บางครั้งเคยอ่านหนังสือแล้วมันพาเราไปที่ไหนก็ไม่รู้ นั่นแหละฮะมันเป็นอย่างนั้น มันทำให้สมองเราทำให้จิตใจเราลอยไปอีกที่หนึ่งไปอยู่ในโลกแห่งจินตนาการ เหมือนตอนผมอ่านเพชรพระอุมาผมก็เข้าไปอยู่ในป่าเลยความรู้สึก ผมก็แบบอินมาก เวลาอ่านผมก็พยายามเปิดเพลงให้มันเข้ากับเสียงป่าเสียงน้ำเปิดตอนอ่านไปด้วยได้ฟิวมากเลยสร้างบรรยากาศเหมือนเราได้พักผ่อนได้ไปไหนเลย  ผมเคยคิดอยากเขียนนิยายแนวรักและแฟนตาซี เป็นเรื่องรักโรแมนติกมีความไฮเทคอยู่ในเรื่องด้วย ที่อยากเขียนแนวนี้เพราะยังไม่เคยอ่านไงและไม่เคยเจอเราเลยอยากเขียนอ่านเองอะ มันจะเป็นยังไงเพราะยังไม่เคยเจอ(ยิ้ม)”

เฉลยคำถาม อานัส ชื่นชอบหนังสือประวัติศาสตร์ :  สามก๊ก

คำถาม บี-พีระพัฒน์ใช้เวลาหนึ่งปีอ่านนิยายเรื่องใด?

ทราบคำตอบเขียนใส่ไปรษณียบัตรพร้อมชื่อ-ที่อยู่ ส่งมาที่ เล่มโปรดคนดัง 32/15 ซ.ลาดพร้าว 23 แขวง จันทรเกษม เขต จตุจักร กรุงเทพฯ 10900  ผู้ที่ตอบถูก 3 ท่านจะได้รับหนังสือจาก สำนักพิมพ์  นานมีบุ๊คส์  (ขอบคุณที่สนับสนุนของรางวัล)