ท่านมุ้ยทรงโปรด“ฉากพระเจ้าเสือท้าชกไอ้สินชิงนวล”



ท่านมุ้ยทรงโปรด“ฉากพระเจ้าเสือท้าชกไอ้สินชิงนวล”

ไม่สั่งเทคปล่อย“ผู้พันเบิร์ด”ระดมหมัดเข่าศอกใส่“เต้ย”

 

                จากที่ปล่อยทีเซอร์หนังออกมาเรียกน้ำย่อยถือเป็นหนังไทยทุนสร้างเกริกเกียรติที่น่าดูมาก สำหรับหนังสร้างจากวีระประวัติความจงรักภักดีของนายคัดท้ายเรือ  ผลงานชิ้นโบว์แดง  ท่านมุ้ย-หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม  ยุคล  ในภาพยนตร์เรื่องที่จะตรึงใจผู้ชมเรื่อง “พันท้ายนรสิงห์ ฉบับพุทธศักราช 2558”  โดย  สหมงคล ฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล   ซึ่งได้ 2 นักแสดงชายสุดฮอตแห่งยุคอย่าง  ผู้พันเบิร์ด- พันโทวันชนะ สวัสดี  และ หนุ่มเต้ย- พงศกร  เมตตาริกานนท์  มาปะทะบทบาทกันเป็นครั้งแรกในบท “พระเจ้าเสือ” และ “พันท้ายนรสิงห์”  เรียกได้ว่าดึงเอาศักยภาพ  เสน่ห์และความสามารถของทั้งคู่ออกมาปะทะเฉือดเชือนกันแบบจัดเต็ม จะได้เห็นตั้งแต่เป็นคู่อริแลกด้วยเลือด ก่อนจะเปลี่ยนเป็นมิตรแท้ จนถึงเป็นกษัตริย์เจ้าเหนือหัว และข้าราชแผ่นดินผู้ซื่อสัตย์  และฉากที่ท่านมุ้ยทรงโปรดและประทับใจเห็นจะเป็นฉากพระเจ้าเสือวางมวยกับไอ้สิน  โดยท่านมุ้ยทรงเผยว่า

               “โดยเฉพาะอย่างยิ่งฉากที่พระเจ้าเสือปลอมตัวเป็น ทิดเดื่อ มายังหมู่บ้านวิเศษชัยชาญ และขอเปรียบมวยโดยมี  นวล  (มัดหมี่- พิมดาว พานิชสมัย) เป็นเดิมพัน มีหรือที่ไอ้สินจะยอมให้คนกรุงมาหยามเกียรติถึงถิ่น และในการถ่ายทำฉากมวยคาดเชือกที่ “พระเจ้าเสือต้องต้องแลกหมัดกับไอ้สิน” กลายมาเป็นฉากที่สร้างความประทับใจให้เป็นอย่างยิ่ง ได้วางน้ำหนักของตัวละครทั้งสองเทียบเคียงกันอย่างสมน้ำสมเนื้อ ไม่ให้ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน  ต้องให้เท่ากันครับ  ส่วนเคมีทางด้านการแสดงระหว่างเต้ยกับผู้พันเบิร์ด หรือระหว่างสินกับพระเจ้าเสือเป็นอย่างไรบ้าง โอเคเลยครับ ทั้งคู่ดูเป็นเพื่อนรักกันได้เลยนะครับ(หัวเราะ)  แล้วก็สามารถเป็นเจ้านายกับบ่าวได้ค่อนข้างสมบูรณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรามีฉากสำคัญของทั้งคู่ที่ผมก็พอใจมากๆเลยก็คือ ฉากชกมวยของทั้งคู่  โดยที่ผู้พันเบิร์ดหรือพระเจ้าเสือต้องไปฝึกต่อยมวยแบบโบราณมาก่อนนะครับ  และที่สำคัญคือเป็นฉากต่อยมวยที่ดูแล้วรู้สึกได้ว่าเขารำมวยได้เข้าท่าเลยทีเดียว แล้วผู้พันเบิร์ดต่อยอย่างจริงจังมากๆ  ซึ่งก็ค่อนข้างจะมีแรงปะทะ แต่ขณะเดียวกันเวลาเตะพระเจ้าเสือบางทีก็เขียวช้ำไปทั้งตัวเหมือนกัน จะเห็นว่าแกทำได้จริงๆ  เต้ยเองก็เหมือนกันเลยครับ ทั้งคู่ต้องฝึกมวยกันอย่างหนัก แล้วเต้ยตอนนั้นเขาใหม่  เขาสดมากๆครับ เราก็ต้องส่งเขาไปฝึกมวยครับ ต้องไปฝึก แล้วก็ต้องเจ็บด้วย เพราะว่าตอนถ่ายทำเราไม่ตัดเลยครับ คัทนั้นเราถ่ายยาวตลอดเลยปล่อยให้ทั้งคู่เล่น”

                ด้านผู้พันเบิร์ดเผยว่า  “ภาพยนตร์เรื่องนี้จะเห็นได้ว่ามันเกิดขึ้นในยุคสมัยที่การสงครามมีน้อย เพราะฉะนั้นการต่อสู้หรือฉากแอ็คชั่นที่เกิดขึ้นในภาพยนตร์เรื่องนี้จะแตกต่างจากภาพยนตร์เรื่องตำนานสมเด็จพระนเรศวร จะเรียกว่าต่อยตีถึงลูกถึงคนแบบชาวบ้านมากกว่า เช่น จับมีดฟันเลย หรือต่อยกันใช้เข่าใช้ศอกใช้หมัดกอดปล้ำรัด ซึ่งจะถูกถ่ายทอดออกมาลักษณะนี้ในฉากแอ็คชั่น ซึ่งมันจะค่อนข้างประชิดตัวมากขึ้นกว่า จะไม่มีอุปกรณ์อื่นมาช่วย การสู้รบหรือต่อยตีแบบนี้จะเป็นลักษณะไร้รูปแบบ เมื่อแอ็คชั่นก็เตะมาก่อน อีกฝ่ายก็จะมีการยกแขน ยกแข้งกันกันไว้ก่อน มีจับล็อค บางครั้งก็เกิดเป็นมวยสด บางทีก็นอกคิว แล้วท่านมุ้ยเองท่านก็ไม่สั่งคัทสักที ผมกับเต้ยก็มองตากันเอาวะ บางทีก็พลาด ผมนี่มองตาเต้ยกะให้เต้ยหลบนะ ปรากฎเต้ยไม่หลบซัดตูมเลย  เต้ยตอนนั้นเขาสดอยู่ ช่วงนั้นคือยังวัยรุ่นอยู่มาจับผมกอดผมปล้ำอีกเฮ้ย แรงดีเว้ย ระหว่างที่สู้กัน ท่านก็ยังไม่ยอมคัท คิวสดเลยครับก็ไล่กันไป วิ่งหนีกันบ้างเตะบ้างก็ถือว่าเป็นคิวสด เป็นการต่อสู้ในฉากแอ็คชั่นที่สนุกสนานมากๆครับ”

                    และเต้ยเผยถึงฉากนี้ว่า  “สำหรับฉากต่อยมวยระหว่างสินกับทิดเดื่อ เป็นอีกฉากสำคัญที่พระเจ้าเสือกับไอ้สินจะต้องหันมาเผชิญหน้ากัน เบื้องหลังเราต้องเร่งถ่ายทำท่ามกลางความกดดันของแสงที่กำลังจะหมดไป วันนั้นเราเล่นกันแบบสดๆเพื่อความสมจริงมากๆ ใส่กันสดๆเลย วันนั้นผมก็เลยได้เจอศอกของพี่เบิร์ดมาเต็มๆ พี่เบิร์ดเองก็โดนผมเตะเหมือนกัน เตะกันจริง ต่อยกันจริง ใช้จากที่เคยฝึกเรียนการชกกันมา แน่นอนว่ามีโดนจริงครับ พี่เบิร์ดเขายกมือขึ้นมาบล็อกไม่ทัน มันก็เลยโดนไปนิดหนึ่ง แล้วหลังจากนั้นมาพี่เบิร์ดก็เอาคืนผมหมดเลย(หัวเราะ)  พี่เบิร์ดมีท่าตวัดศอกกลับมาด้วย รู้สึกตอนนั้นเหมือนต่อยมวยกันจริงๆเลย แต่มวยคนละไซส์  ลองนึกถึงไซส์พี่เบิร์ดกับไซส์ผมนะครับ(หัวเราะ) คนละไซส์กันเลย พี่เบิร์ดตัวหนากว่ามากเลย  ผมเตะทีนี่ไม่สะเทือนเลย แล้วรูปแบบการชกของเราสองคนก็คือ การชกมวยคาดเชือกครับ เพราะว่ามีพันแขนด้วย”