“นนทกฤช กลมกล่อม”ผู้ประกาศ“Mono29”แนะเทคนิคผู้ประกาศข่าวที่ดี..หมั่นอ่านหนังสือ



จากที่เริ่มติดตามช่อง Mono29  ได้เห็นผู้ประกาศชายท่านหนึ่งอ่านออกเสียงชัดเจนและทำการบ้านมาอย่างดี อ่านผิดน้อยมากและหากผิดจะมีกล่าวขออภัยไม่ลนลานควบคุมสติดีทุกครั้ง จึงคิดว่าผู้ประกาศข่าวท่านนี้รักอาชีพนี้มาก ดูจากก่อนเข้าเวลาข่าวจะทำการบ้านมาเป็นอย่างดี สำหรับ  เอก – นนทกฤช   กลมกล่อม  ผู้ประกาศคมเข้ม ทำให้ต้องติดต่อขอสัมภาษณ์เพราะถือเป็นตัวอย่างของผู้ประกาศข่าวที่ดี แม้จะเป็นช่องใหม่ แต่ได้คนทำงานที่มีศักยภาพสร้างภาพลักษณ์ให้ช่องดูน่าเชื่อถือขึ้น  อีกทั้งเจ้าตัวรักการอ่านหนังสือ เหมือนได้ฝึกฝนตัวเองไปด้วย  โดยเอก – นนทกฤชเผยเรื่องงานและหนังสือเล่มโปรด

“เป็นผู้ประกาศข่าวที่ Mono29 มาประมาณปีกว่าๆ ถ้านับถึงปัจจุบันก็หนึ่งปีกับอีก 4 เดือน ตอนนี้อ่านประจำ ทุกวันจันทร์-ศุกร์  รายการ ทันข่าวเช้า (GoodMorningThailand) เวลา 05.30 น. - 07.30 น.  และ รายการ The Day News Update เวลา 15.55 น. - 16.10 น.  ถ้าถามว่าทำไมอ่านออกเสียงชัด ก็คงต้องยกให้เรื่องการฝึกฝนเป็นหลักเลย เพราะก่อนหน้าที่จะมาเป็นผู้ประกาศข่าวก็เป็นพิธีกรบ้าง จัดรายการวิทยุบ้าง ทุกงานที่ทำเกี่ยวกับการใช้เสียงหมดเลย ก็กลายเป็นว่าเราได้ฝึกฝนทุกวันมาเรื่อยๆโดยไม่รู้ตัว แต่จุดเปลี่ยนที่สำคัญที่สุดคือช่วงที่เตรียมตัวสอบใบผู้ประกาศ ประมาณสามปีที่แล้ว ด้วยขั้นตอนการสอบ ต้องมีการอบรม ต้องไปเรียนหัดอ่านออกเสียง เรียกว่าเรียนใหม่หมดตั้งแต่พื้นฐาน และมีผู้เชี่ยวชาญมาแนะนำ เลยทำให้ช่วงนี้เราเต็มที่ เพราะเรามีความตั้งใจว่าเราจะสอบให้ได้ครั้งแรกและครั้งเดียว ตอนนั้นเลยฝึกอ่าน หัดอ่าน หนักมาก คือเจออะไรก็อ่านหมด ไม่รู้คำไหนถาม เปิดหนังสือ หาข้อมูล ทำทุกอย่าง และสุดท้ายก็สอบผ่านตั้งแต่ครั้งแรกด้วยคะแนน 61 คะแนน จากคะแนนเต็ม 100   แน่นอนว่าการเป็นผู้ประกาศข่าว ทำงานด้านข่าว ข้อมูลต้องถูกต้องที่สุด ก่อนที่เราจะสื่อสารไปยังผู้ชม อันนี้เป็นสิ่งที่ได้มาจากการทำงานและรุ่นพี่สายข่าวหลายท่านก็เคยสอนเอาไว้ว่า เนื้อหาจะมาอย่างไรก็ตาม ข้อมูลจะมาอย่างไรก็ตาม สุดท้ายแล้วข้อมูลทั้งหมดที่ส่งไปยังผู้ชมคือตัวผู้ประกาศเองที่จะสื่อสารออกไป พูดออกไป จึงต้องจำไว้เสมอว่าข้อมูลที่ผิดพลาดจะสร้างปัญหาให้กับสังคมและที่สำคัญจะย้อนมาที่ตัวเราเอง เราจึงพิจารณาให้รอบคอบก่อนที่จะพูดอะไรออกไปหน้าจอ แต่ว่าข้อมูลข่าวต่างๆที่ว่ามานี้ กว่าจะออกมาเป็นสคริปข่าวให้เราได้อ่าน มันได้ผ่านขั้นตอนต่างๆมาแล้ว ทั้งนักข่าวที่ลงพื้นที่หาข่าว คนเขียนข่าว บก.ข่าว ทีมงานทุกคน คือทุกส่วนได้กรองข้อมูลมาแล้ว เราจึงเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งที่อาจจะเป็นตัวกรองอีกครั้งในขั้นสุดท้าย   ส่วนเรื่องของการทำการบ้าน เราอยู่ในฐานะนักข่าว ผู้ประกาศ เบื้องต้นก็ต้องติดตามข่าวอยู่แล้วครับ เรื่องไหนเป็นยังไง ใครไปทำอะไรที่ไหน ก็ได้มาจากการฟังข่าวบ้าง อ่านหนังสือพิมพ์บ้าง ทวิตเตอร์เฟซบุ๊ค ทุกอย่างรอบตัวเราปัจจุบันนี้มีข่าวหมดเลยครับ ก็คือต้องตามข่าว เวลาที่เรามาอ่านข่าวหน้าจอเราก็จะรู้แล้ว อ๋อเรื่องนั่นเป็นนี้ เรื่องนี้เป็นอย่างนั้น ทีนี้ก็อ่านข่าวเล่าข่าวได้เต็มที่แล้วครับ แต่ที่สำคัญที่สุดอีกอย่างหนึ่งที่ทำให้เราพร้อมในทุกๆครั้งที่อ่านข่าวก็คือ สติ ครับ อันนี้สำคัญมาก เพราะรายการที่ทำทั้งหมดเป็นรายการสด ออกอากาศสด ข้อผิดพลาดจะต้องมีน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ ต้องมีสติอย่างมากครับ  จะบอกว่าชอบก็คงไม่ได้ เพราะรักเลยครับอาชีพนี้ ผู้ประกาศข่าวเป็นอาชีพในฝันเลยครับ นี้เป็นสิ่งหนึ่งที่รู้สึกภูมิใจในตัวเองมากๆที่ทำตามความฝันได้สำเร็จแล้ว (แต่จริงๆตอนเด็กอย่างเป็นดารานะครับ โตมาพอดูหน้าตัวเองแล้วคงไม่รอด เลยเลือกเป็นผู้ประกาศแล้วกัน ได้ออกทีวีเหมือนกัน 555555 )   นอกจากงานผู้ประกาศก็มีงานพิธีกรอีเว้นท์ก็รับบ้างครับ นานๆที เพราะเราดูงานเอง บริหารจัดการเอง ไม่มีคนดูแลคิวให้ครับ เลยอาจจะไม่ค่อยมีเวลาหางานหรือติดต่องานสักเท่าไร เพราะว่าอ่านข่าวทุกวันจะว่างหน่อยก็ช่วงเสาร์อาทิตย์ ก็ให้เวลากับที่บ้านครับ มีคุณแม่ที่ต้องดูแล คุณพ่อไม่อยู่แล้ว เลยเต็มที่กับคุณแม่มากๆ ยกเสาร์อาทิตย์ให้คุณแม่ไปแล้วครับ (แต่ถ้ามีใครสนใจติดต่อมาก็ยินดีนะครับ 5555 )  ส่วนเรื่องธุรกิจ ก่อนหน้านี้สักสองปีเปิดร้านอาหารครับ และก็มีผลิตรายการทางช่องดาวเทียมครับ เป็นอะไรที่หนักมากทุกอย่างคือภาระเราต้องจัดการเองทั้งหมด อาจจะด้วยประสบการณ์บริหารยังน้อย เรื่องเวลาด้วยเพราะตอนนั้นก็ทำคู่กันไปกับการอ่านข่าว สุดท้ายไม่ไหวรู้สึกว่าไม่มีความสุขมันเครียดตลอด ต้องคิดตลอด เลยตัดสินใจเบรคทุกอย่างไว้ก่อน กลับมาตั้งต้นใหม่ ทำให้ตัวเองมีความสุข ทำในสิ่งที่รัก ก็คือการอ่านข่าว เต็มที่กับตรงนี้ก่อนพร้อมเมื่อไรค่อยกลับไปลุยเรื่องธุรกิจอีกครั้งครับ  

                ถ้าถามถึงปัจจุบันนี้นะครับ ชอบอ่านหนังสือที่ผู้เขียนเดินทางไปที่ต่างๆ แล้วถ่ายทอดออกมาเป็นตัวหนังสือ เช่น ไปต่างประเทศแล้วเขียนเล่าว่าไปเจออะไร อุปสรรคมีอะไร รู้สึกอะไร อันนี้จะชอบมาก เพราะตอนนี้ส่วนตัวกำลังเริ่มรู้สึกหลงรักการเดินทาง ชอบที่จะไปดูโน้นดูนี่ หนังสือแนวนี้ให้ประสบการณ์ที่เราไม่ต้องเสียเงินเดินทางไปเอง มันได้แบบประหยัดมาก เราสามารถรับรู้ได้ถึงความรู้สึกต่างๆที่ผู้เขียนบรรยายมาแล้วเห็นภาพเลยครับ ต่อมาก็เกิดแรงบันดาลใจ และสุดท้ายก็ตามรอยผู้เขียนคนนั้นไป อย่างหนังสือเรื่อง โตเกียวไม่มีขา ของคุณนิ้วกลม เล่มนี้เป็นเล่มแรกที่ผมอ่าน ตอนนั้นยังเรียนอยู่มหาวิทยาลัยเลยนะครับ พออ่านแล้วอินมาก อยากไปมาก รู้เลยว่าที่โตเกียวเป็นอย่างไร ผู้คนใช้ชีวิตยังไง มีทั้งน่าสนใจ มีทั้งน่าตกใจ คุณนิ้วกลมเขียนไว้ว่า เพราะโตเกียวไม่มีขาโตเกียวจึงเดินมาหาเราไม่ได้ เราจึงต้องไปหาโตเกียว ยอมรับว่าคุณนิ้วกลมถ่ายทอดออกมาได้ดีมาก จนสุดท้ายผมทำงาน พอมีทุน ผมก็เดินทางไปต่างประเทศ ผมเลือกไปโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นเป็นทริปแรกของการเดินทางไปต่างประเทศที่เป็นจุดเริ่มต้นครับ  ประโยชน์ที่ได้จากการอ่านหนังสืออย่างแรกคือ เรื่องการอ่าน การออกเสียง อันนี้ตรงกับการทำงานมากๆ หนังสือบางเล่มมีคำศัพท์ที่เราไม่เคยได้ยิน ไม่เคยรู้ เราก็ได้รู้ เราได้รู้ความหมาย เข้าใจคำคำนั้นมากขึ้น เป็นการเพิ่มข้อมูลอย่างดีสำหรับการเป็นผู้ประกาศครับ และอีกอย่างพอเราอ่านหนังสือเยอะ เราก็รอบรู้ ความรอบรู้นี้แหละที่จะช่วยให้เราสามารถสื่อสารได้อย่างดี มันสนองต่อการทำงานในฐานะสื่อมวลชนได้อย่างดีครับ  ส่วนใหญ่เวลาอ่านหนังสือก็จะเป็นเวลาว่างนะครับ ไม่เลือกช่วงเวลา แต่เป็นเรื่องสถานที่เพราะจะเลือกอ่านหนังสือที่บ้าน มันสงบ เงียบ แล้วเวลาอ่านไม่มีอะไรรบกวนก็จะสามารถอ่านได้เต็มที่  ยิ่งถ้าเป็นหนังสือนิยาย เวลาอ่านมันจะยิ่งจิตนาการเนื้อเรื่องได้สนุกมากๆ   การอ่านหนังสือปัจจุบันนี้มันดีมากนะครับ ด้วยเทคโนโลยีต่างๆ อินเทอร์เน็ต แอปพลิเคชั่น มันมีวิธีการนำเสนอ ชักชวนให้เราอ่านอย่างน่าสนใจ แต่หนังสือที่เป็นรูปเล่มก็ยังอยู่ยังไม่หายไป เสน่ห์มันต่างกัน เทคโนโลยีทำให้เราสะดวกที่จะเปิดอ่าน หรือเลือกอ่านหนังสือได้ง่ายขึ้น หาข้อมูลของหนังสือได้ง่ายขึ้น อ่านที่ไหนก็ได้ สะดวกมาก แต่ถ้าอยากได้อรรถรสในการอ่านจริงๆแนะนำเลยครับ นั่งที่หน้าบ้าน หามุมที่ชอบเงียบๆ  กาแฟ 1 แก้ว พร้อมด้วยหนังสือที่เราชอบ 1 เล่ม มันจะฟินมาก(ยิ้ม) มันคืออารมณ์สุนทรีสุดๆ การได้กลิ่นของกระดาษ การสัมผัสเนื้อกระดาษ หรือแม้แต่ภาพแต่ละภาพในหนังสือ ถ้าหากเราใส่ใจกับเค้ามากขึ้นเราจะสัมผัสความจริงใจที่นักเขียนอยากแบ่งปันให้กับผู้อ่านของเขาด้วยครับ   แน่นอนว่าการอ่านมีประโยชน์นะครับ มันทำให้เรารู้เรื่องราวต่างๆมากขึ้น และที่สำคัญทำให้เรามีประสบการณ์ในสิ่งที่เราสนใจ ก็คือหนังสือที่เราเลือกอ่านโดยเราลงทุนแค่เพียงเปิดหนังสืออ่านเท่านั้น มันคุ้มค่ามากกับสิ่งที่เราได้รับกลับมา มันเป็นการเปิดโลกกว้าง เป็นการสร้างแรงบันดาลใจ หรือบางครั้งมันอาจเป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตก็ได้ อยากให้ทุกคนอ่านหนังสือกันมากขึ้นนะครับ เลือกหนังสือที่เราสนใจ จะการ์ตูน นิยาย หรือหนังสืออะไรก็ได้ มันให้ประโยชน์กับเราแน่ๆ อย่างน้อยที่สุดมันทำให้เราได้พัก มีสติ ฝึกสมองไปในตัวได้อีกด้วย ลองดูนะครับ อยากให้อ่านหนังสือกันครับ”