“อนันดา”ยิง!“น้อย”กระสุนไม่ระคายผิวใน“ขุนพันธ์”



อาคมแห่งการต่อสู้  ฤาจะต่อกรกับความดี  เสือโจรทั้งหลายที่โด่งดังในปฐพี  ล้วนถูกปราบโดยนายตำรวจคนหนึ่ง  เหนือพลังแห่งศรัทธา คือการมุ่งมั่นและยืนหยัดในการต่อสู้เพื่อความถูกต้อง   สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล   ส่งไม้ต่อให้  บาแรมยู  จัดภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์แอ็คชั่นเหนือจินตนาการ วีรกรรมล้ำเลิศของวีรบุรุษผู้มุ่งมั่นทำความดีในนาม“ขุนพันธ์”  ผลงานกำกับของ  ก้องเกียรติ  โขมศิริ  ขนทัพนักแสดงแถวหน้ารวมตัวเป็นครั้งแรกนำโดย  อนันดา   เอเวอริงแฮม, กฤษดา สุโกศล แคลปป์, เดี่ยว- ชูพงษ์ ช่างปรุง, กบ- พิมลรัตน์  พิศลยบุตร, แฟรงค์- ภคชนก์  โวอ่อนศรี, สนธยา ชิตมณี,  กานต์พิสชา เกตุมณี    ในวันแถลงข่าวได้เห็นทีเซอร์การเจอกันครั้งแรกของ  ขุนพันธ์  กับมหาโจรคงกระพัน   อัลฮาวียะลู   ฉากนี้ทำเอาสื่อตะลึงกับการแสดงของทั้งสองที่ปล่อยของใส่กันได้อย่างน่าทึ่ง! สะกดสายตาทุกคู่อยู่หมัด  ซึ่งเป็นฉาก ขุนพันธ์ ชักปืนยิงใส่อัลฮาวียะลูจนหงายหลังไม่เป็นท่า แต่มหาโจรร้ายกลับลุกขึ้นหน้าตาเฉย กระสุนไม่ระคายผิวมันเลย  เป็นภาพยนตร์เรื่องเยี่ยมที่จะทำให้คนดูได้รู้ประวัติวีรบุรุษตำรวจเหล็กที่ผดุงความยุติธรรมได้สมศักดิ์ศรีคนไทยคนหนึ่ง   โดยก้องเกียรติเผยว่า

                “มันเป็นโปรเจกต์ที่ใหญ่แล้วก็ตัวบุคคลเป็นบุคคลจริงมีตัวตนจริง มีประวัติศาสตร์รองรับ มีหลักฐานยืนยัน แน่นอนว่าเราไม่ได้ทำสารคดี  แต่เรารักษาหัวใจของความเป็นขุนพันธ์ไว้ให้ได้เยอะที่สุด  เรื่องแอ็คชั่นกับเมจิค  การผสมกันแล้วมันมีดราม่าเข้าไปอยู่ด้วย  มันเป็นงานที่ท้าทายนะครับ  เราย้อนไปที่ธีมของเรื่องก็คือ ‘ศรัทธา’ งานที่มันยากก็ต้องยิ่งอาศัยศรัทธาที่สูง คาแรคเตอร์หลักๆเรายังจับหัวใจความเป็นขุนพันธ์อยู่  เราเลือกนำเสนอภาพยนตร์ที่เรียกว่า เมจิคอลเรียลลิสซึ่มหรือสัจนิยมมหัศจรรย์  แต่ทั้งหมดเราไม่ได้หักข้อมูลเก่าทิ้ง ไม่ได้โกหก ข้อมูลเรื่องคาแรคเตอร์หนวดเขี้ยว การไปปราบโจรที่โน่นที่นี่ หรือกระทั่งประโยคประจำตัวที่ท่านขุนพันธ์พูดตอนไปจับโจรว่า ‘เฮ้ย  ถ้ามึงบวชแล้วเลิกเป็นโจรซะ กูจะจับเป็นมึง แต่ถ้ามึงไม่บวช ก็ยิงกัน’  เราก็จับหัวใจของสิ่งนี้ที่เป็นแบบนักเลง ก็ยังมีอยู่ในเรื่อง  นี่ไม่ใช่หนังอัตชีวประวัติ แต่เป็นหนังที่ถูกสร้างเพื่อความบันเทิง โดยได้ตัวละครขุนพันธ์เป็นต้นแบบ ให้เป็นไอคอน(สัญลักษณ์)  เรื่องของฮีโร่คนหนึ่งที่ไปเจอผู้ร้ายคนหนึ่ง ซึ่งมีวิชาอาคมไม่แพ้กัน แล้วมันคือการที่คนที่ยิงไม่ตาย 2 คนเผชิญหน้ากัน คนหนังเหนียว 2 คนต่อสู้กัน เป็นการชิงไหวชิงพริบ หรือการที่ตัวละครตำรวจถูกท้าทายโดยโจร  เราเชื่อว่า การสร้างไอคอนแห่งความดีที่จริงที่สุดโดยมีหัวใจของเรื่องมันก็คือ การไล่ล่ากันของคน 2  ฝั่งที่เรียกว่า  เจ็บไม่ได้ ตายไม่เป็นกันทั้งคู่ครับ”

                ส่วน อนันดา  ในบท ขุนพันธ์ กล่าวว่า “จำได้ว่าตอนที่คุยโปรเจกต์ขุนพันธ์ครั้งแรกกับพี่โขม  จ่อยพี่ขอสักครั้งหนึ่งในชีวิตที่พี่จะปล่อยของจริงๆ แรกๆอาจตกใจนิดหน่อย หลังๆ ก็ตื่นเต้น ตื่นเต้นกลายเป็นสนุก เพราะว่าเราได้เริ่มซ้อมคิวแอ็คชั่นอะไรทุกอย่าง ได้ฟิตติ้ง เริ่มติดหนวด ทุกอย่างมันก็เริ่มจริงขึ้น หลังจากนั้นความตื่นเต้นกลายเป็นความอินครับ คือการที่เราต้องเล่นเป็นคนที่มีอยู่จริงในประวัติศาสตร์ ก็ต้องยอมรับว่าเป็นอะไรที่ละเอียดอ่อนพอสมควร ตัวผมเป็นนักแสดงคนหนึ่งมีหน้าที่เป็นนักแสดง แต่งานนี้เราก็ต้องเคารพต่อประวัติชีวิตของท่านด้วย ก็เลยได้ไปศึกษาพอไปลงลึกก็เห็นว่าท่านไม่ใช่คนธรรมดา จำนวนของโจรที่ท่านปราบนี่คือ เป็นหลักร้อยหรือเปล่าคือ มันเป็นประวัติหรือเรื่องราวของนายตำรวจที่อาจจะนับว่าสุดยอดที่สุดในประวัติศาสตร์ไทยก็ว่าได้  ท่านขุนพันธ์คือ นักสู้ นักล่า นักต่อรอง อาวุธหลักที่ท่านใช้ก็เป็นดาบกับปืน ขุนพันธ์มีประโยคเด็ดว่า ‘ถ้าพวกมึงยอมสัญญาว่าเลิกเป็นโจร แล้วไปบวชซะ กูจะจับเป็นพวกมึง’  เป็นประโยคที่ผมชอบมาก  ได้เห็นว่าขุนพันธ์ท่านก็เป็นคนที่เหี้ยมแต่ว่าก็แฟร์  ซึ่งอันนี้ก็มาจากประวัติศาสตร์จริงด้วย นอกจากนั้นท่านขุนพันธ์มีความพิเศษอยู่ตรงท่านเป็นคนมีวิชาอาคมยึดมั่นในความดีและนับถือ ความถูกต้อง แล้วก็อยู่ได้ด้วยความศรัทธา ผมโชคดีมากครับที่เขาเลือกผม ขอบคุณครับพี่โขม”

                ด้าน น้อย- กฤษดา สวมบท อัลฮาวียะลู  เปิดใจว่า  “เชื่อว่านักแสดงหลายๆ คนมองหาโอกาสที่จะได้เล่นบทร้ายสักครั้งหนึ่งในชีวิต เพียงแต่ว่าบทร้ายแบบนี้เราจะเล่นอย่างไร ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ท้าทายมากครับ บทอัลฮาวียะลู เป็นการพลิกและเปลี่ยนคาแรคเตอร์ที่สุดเท่าที่ผมเคยทำมาครับ เป็นตัวที่ค่อนข้างห่างไกลจากคาแรคเตอร์ตัวจริงผมเหลือเกิน และมีคำพูดที่ยากมาก เพราะขนาดภาษาไทยผมยังพูดไม่ค่อยชัดเลยฮะ และผมเองก็ไม่เคยเล่นหนังพีเรียดมาก่อน แต่ด้วยตัวบทมันมีมิติเหลือเกิน แล้วเราก็พยายามเบสคาแรคเตอร์ของเรากับโจรที่เป็นคู่ปรับของขุนพันธ์ตัวจริง มันก็เลยเกิดการตีความ 2 อย่างกับบทนี้  เราก็พยายามทั้งศึกษาว่าโจรสมัยโน้นเขาเชื่อมั่นในสิ่งอะไร จุดยืนเขาอยู่ที่ไหน เขาเกิดมาเป็นอย่างไรถึงคิดกลายเป็นโจร แต่ว่าอีกมุมหนึ่งก็พยายามใช้จินตนาการตีความสร้างตัวละครตัวนี้ มันก็ยิ่งสนุก มันสามารถสร้างสีสันได้ เราก็พยายามดูว่าเราจะสามารถทำอะไรตรงนี้ได้  อัลฮาวียะลูเขาคือ คู่ปรับของขุนพันธ์ เป็นมหาโจรที่ฆ่าไม่ได้ ตายไม่เป็น ขุนพันธ์อาจจะล่าเราได้ แต่ฆ่าเราไม่ได้ เพราะตัวอัลฮาวียะลูเองมีรอยสักที่ป้องกันเขาได้ มีอาวุธ มีอาคม คงกระพัน ฉลาดมีไหวพริบ และมีอุดมการณ์ของตัวเอง สามารถฆ่าคนได้โดยไม่กะพริบตา แล้วชื่อ อัลฮาวียะลู แปลว่า หลุมที่ไม่สิ้นสุด  ซึ่งขุนพันธ์จะต้องเข้าไปในหลุมที่ลึกเหลือเกินเพื่อที่จะปราบอัลฮาวียะลูให้ได้  ซึ่งในฉากแอ๊คชั่นสุดท้ายเราจะได้เห็นว่าขุนพันธ์ทำได้หรือไม่ ก็คงต้องขอขอบคุณโขม สหมงคลฟิล์ม และบาแรมยู ที่ให้โอกาสผมเล่นบทนี้”