หนังติดดาว คอลัมน์โปรดคอหนังไทย-เทศพร้อมคำวิจารณ์ไม่เอียงค่าย



มงคลเมเจอร์ พาโลกตะลึก! อีกครั้งการกลับมาของเหล่าจตุรอาชา(The Four Horsemen) พร้อมทักษะมายากลที่ว้าวกว่า เซอร์ไพรส์กว่า ท้าทายยิ่งกว่าใน“NOW YOU SEE ME 2 - อาชญากลปล้นโลก 2”(นาว ยู ซี มี ทู)  พร้อมทีมนักแสดงเดิมอาทิ  เจสซี่ ไอเซนเบิร์ก, มาร์ค รัฟฟาโล่,  วู้ดดี้ ฮาเรลสัน, เดฟ ฟรังโก, ลิซซี่ แคปแลน ปะทะ แดเนียล แรดคลิฟท์ และ เจย์ โชว พร้อมนักแสดงฝีมือเก๋า มอร์แกน ฟรีแมน และ ไมเคิล เคน  โดยผู้กำกับ จอห์น เอ็ม ซู   โดยภาคนี้เป็นการชิงไหวชิงพริบระหว่าง FBI และเหล่าจตุรอาชา  พวกเขากลับมาปรากฏตัวอีกครั้งในนิวยอร์ก พร้อมเผชิญหน้ากับศัตรูคนใหม่ที่ชักชวนพวกเขาสู่การโจรกรรมที่เสี่ยงตายกว่าที่ผ่านมา
               หนังทำออกมาตื่นตาตื่นใจ อลังการงานโชว์มากกว่าภาคแรก แต่ที่มาที่ไปในการใช้กล ดูซับซ้อนซ่อนเงื่อน จนดูเว่อร์มากเกินกว่าที่มนุษย์ จะใช้เทคนิคมายากลทำได้ เลยรู้สึกอินกับมายากล ต่างๆ น้อยกว่าภาคแรก นักแสดงนำทุกคนเล่นได้ดี กลวิธีตอนเฉลย บางอันเว่อร์ บางอันดูสมจริง บทภาพยนตร์พอใช้ได้  มีทั้งที่ดีและแย่ผสมๆกัน   ติดให้ ****
                คำถามหนัง“NOW YOU SEE ME 2” แดเนียล แรดคลิฟท์รับบทเป็นใครในเรื่อง?

                เฉลยคำถามหนัง“PANDEMIC” :   3 – 14 (ทรีโฟร์ทีน)

                ทราบคำตอบเขียนชื่อ-ที่อยู่- เบอร์โทรศัพท์ลงในไปรษณียบัตร ส่งมาที่  หนังดังติดดาว  32/15  ซ.ลาดพร้าว 23 แขวงจันทรเกษม เขต จตุจักร กรุงเทพฯ 10900   ผู้ตอบถูก 5  ท่าน ได้รับของรางวัลจาก  มงคลเมเจอร์  (ขอบคุณที่สนับสนุนของรางวัล)

                วอร์เนอร์ บราเดอร์ส ชวนคุณสยองกับภาคต่อของ“The Conjuring 2” นำแสดงโดย  เวร่า ฟาร์มิก้า และ แพทริค วิลสัน โดยผู้กำกับ เจมส์  วาน   ซึ่งเล่าเรื่องราว 7 ปีหลังจากเหตุการณ์ในภาคแรก คราวนี้ เอ็ด วอร์เรน และลอเรน วอร์เรน ต้องสืบหาความจริงในคดี Enfield Poltergeist หรือปรากฏการณ์ที่สิ่งของต่างๆ เคลื่อนที่เองได้อย่างปริศนา ซึ่งเกิดขึ้นกับครอบครัวของคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว เพ็กกี้ ฮอดจ์สัน และลูกๆ ที่อาศัยในย่านชนบทของอังกฤษ 

               การผูกเรื่องตามสูตรหนังผีฝรั่ง มีวิญญาณอยู่ในบ้าน สิ่งของเคลื่อนไหว มีการก่อกวนคนในบ้าน ผีสิงสู่ผู้คน มีนักปราบผีมาแก้ปัญหา เรียกว่าไม่มีอะไรออกนอกสูตร แต่ผู้กำกับก็พิสูจน์ว่าสามารถทำหนังผีตามสูตรสำเร็จได้แบบสยองขวัญ สั่นประสาท ลุ้นระทึกไปตลอดทั้งเรื่องเลย มุกเดิมๆที่เคยเห็นในภาคแรกและเรื่องอื่นๆยังเอามาใช้ในเรื่องนี้  ทั้งๆที่บางฉากก็เดาได้ว่าผีมาแน่ๆ แต่พอผีมาแนวตุ้งแช่จริงๆ ก็ทำเอาสะดุ้งได้อยู่ดี  และที่ขอชมคืองานสร้างบรรยากาศอังกฤษในยุค 70's  ที่บ้านเมืองดูเสื่อมโทรมทำได้เนียน ถือว่าหนังผ่อนคลายด้วยมุกตลกและเพลงประกอบที่น่าเสียดายที่ซับไทยไม่แปลให้ แต่ถ้าใครฟังออกรับรองว่าต้องฮาหนักกว่าคนอื่น    ติดให้ **** ครึ่ง

                M PICTURES ส่งผลงานของ 2 นักแสดงฝีมือฉกาจ ไรอัน กอสลิ่ง ปะทะ รัสเซล โครว์  ใน“THE NICE GUYS กายส์ นายแสบมาก” ผลงานของผู้กำกับ  เชน แบล็ค(Iron Man 3)  เป็นเรื่องราวของ ฮอลแลนด์ มาร์ช นักสืบเอกชนต้องร่วมมือกับนักเลงขาลุย แจ็คสัน ในการสืบสวนคดีฆาตกรรมปริศนาและการหายตัวไปของผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งทำให้พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับภัยอันตรายจากทั้งอาชญากร รวมถึงผู้รักษากฏหมายด้วย  

               ซึ่งเซ็ทฉาก Los Angeles ปลายยุค 70's แบบสมจริงสุดๆ บทภาพยนตร์ดูจะหนักและจริงจัง แต่มันก็เป็นแค่โครงเรื่องที่ใส่ความฮาแทรกเข้าไปเท่านั้น หนังมีความซับซ้อน เพราะทิ้งปมและปริศนาไว้เยอะ แต่ค่อยๆคลายออก ด้วยความที่เป็นหนังตลก ก็โอเคกับความไม่สมเหตุสมผลในบางประเด็น แต่ขอชมเรื่องความตลก มุกแบบตลกกวนๆ ตลกล้อเลียน ตลกสถานการณ์ ตลกบ้าๆบอๆ ฯลฯ ใส่มาหมด เรียกว่าขำตั้งแต่ต้นจนจบ ส่วนไรอันก็รั่วมาก ไม่เคยคิดว่าหนุ่มหล่อมาดนิ่งจะเล่นรั่วทั้งหน้าตาและการกระทำได้ดีขนาดนี้  และรัสเซลก็รั่วน้อยกว่า ดูเคร่งขรึม แต่แฝงอารมณ์ขันแบบตลกร้ายเสียดสี ประชดประชัน   ติดให้ *** ครึ่ง

                Disney  PIXAR ชวนคุณสัมผัสความน่ารักของเจ้าปลาสีน้ำเงินความจำสั้นเรื่อง“FINDING DORY” โดยทีมพากย์อาทิ  ดอรี่ พากย์เสียงโดย เอเลน ดีเจเนอเรส, มาร์ลิน พากย์โดย อัลเบิร์ต บรู้ค, แฮงค์ พากย์โดย เอ็ด โอ’นีล,  เดสทินี่ พากย์โดย เคธลิน โอลสัน, เบย์ลีย์  พากย์โดย ไทร์ เบอร์เรล, เจนนี่  พากย์โดย ไดแอน คีตัน,  ชาร์ลี พากย์โดย ยูจีน เลวี่, ฟลูค พากย์โดย ไอดริส เอลบ้า,  รัดเดอร์  พากย์โดย โดมินิค เวสต์,  มิสเตอร์ เรย์  พากย์โดย บ๊อบ ปีเตอร์สัน,  เบ็คกี้ พากย์โดย ทอร์บิน บุลล็อค, ครัช พากย์โดย แอนดรูว์ สแตนตัน และ สเคิว์ต พากย์เสียงโดย เบนเนตต์ ดามแมนน์

               เป็นภาคต่อของ Finding Nemo เมื่อปี 2003 นับเป็นหนังภาคต่อที่ห่างกับภาคแรกพอสมควร ส่วนภาคนี้ Dory เป็นตัวเอก เป็นเรื่องราวของลูกตามหาพ่อแม่  ซึ่งหนังมีความน่ารัก เรียกเสียงหัวเราะตลอดเวลา ภาพสวยมาก และไร้พิษภัยใดๆเหมาะกับเยาวชน แนะนำว่าควรดูภาคแรกก่อน เพราะเปิดเรื่องมาย้อนกลับไปภาคแรกด้วย  และหนังเป็นตามสไตล์ Disney แต่ละเรื่องจะมีธีมของตัวเอง คือ การจะทำอะไรสักอย่างหนึ่งถึงมันจะยากเย็นแสนเข็ญแค่ไหน แต่ถ้าใจสู้เสียอย่าง รับรองว่าฟ้าหลังฝนงดงามเสมอ เป็นหนังที่ดูจบได้คติสอนใจกลับไปคิด   ติดให้ **** ครึ่ง

                M PICTURES ถึงเวลาปล่อยของดีจากที่เลื่อนฉายภาพยนตร์ “Elvis & Nixon  เอลวิส พบ นิกสัน” ภาพยนตร์คอมมาดี้ที่สร้างจากเหตุการณ์จริงในประวัติศาสตร์ของอเมริกา จนกลายมาเป็นภาพถ่ายแห่งประวัติศาสตร์ของชาติ  เมื่อราชาร็อคแอนด์โรลชื่อดังแห่งยุค เอลวิส เพรสลี่ย์ ขอเข้าพบประธานาธิบดี ริชาร์ด นิกสัน โดยจะเผยความจริงสุดป่วนกลางทำเนียบขาวที่ยังไม่มีใครรู้ ซึ่งได้  ไมเคิล แชนนอน รับบท เอลวิส เพรสลี่ย์  ส่วน เควิน สเปซี่ย์ รับบท ริชาร์ด นิกสัน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา  ร่วมด้วย อเล็กซ์ เพ็ตติเฟอร์, โคลิน แฮงส์  และ อีวาน ปีเตอร์ส

              หนังสร้างจากเรื่องจริง แต่การเล่าเรื่องนั้นไม่ค่อยจริงจังกับความถูกต้องทางประวัติศาสตร์เท่าไรนัก เพราะด้วยความที่เป็นหนังตลก ไมเคิล เล่นเป็น เอลวิส เพรสลี่ย์  ก็ไม่ได้เลียบแบบความเป็นนักร้องชื่อดังคนนั้น แต่แสดงโดยตีความ เอลวิส เสียใหม่ในแบบของตัวเอง ส่วน เควิน เล่นได้สมจริง เห็นภาพชายผู้มีอำนาจมากที่สุดในโลก ผู้แบกโลกเสรีทั้งใบไว้บนบ่า แต่ต้องมาเป็นลูกไล่ให้ราชาร็อคแอนด์โรลชื่อดัง ที่นึกจะทำอะไรบ้าๆ ห่ามๆ ก็ลุกขึ้นทำทันที ดูเป็นหนังตลกที่ท่าทางและคำพูดของตัวละครนั่นล่ะ    ติดให้  *** ครึ่ง

                20 Century Fox. พาคุณสัมผัสภาคต่อหนังเอเลี่ยนบุกทำลายโลกใน“Independence Day: Resurgence- ไอดี 4: สงครามใหม่วันบดโลก” นำแสดงโดย  เลียม เฮมส์เวิร์ธ, เจฟฟ์ โกลด์บลุม, เซล่า วอร์ด,  วิวีก้า เอ ฟ็อกซ์ , จัดด์ เฮิร์ช, เบรนท์ สไปเนอร์, เจสซี่ อัชเชอร์, บิลล์ พูลแมน และ ไมก้า มอนโร กำกับโดย โรแลนด์ เอมเมอริค   เรื่องราวต่อจากเหตุการณ์ในภาคแรก 20 ปีให้หลัง มนุษย์สามารถปกป้องโลกจากการรุกรานของเอเลี่ยนไว้ได้ และรับเอาเทคโนโลยีของเอเลี่ยนมาปรับใช้ ทำให้มีความก้าวหน้าทางวิทยาการมากมาย แต่แล้วเอเลี่ยนก็กลับมาถล่มโลกอีกจึงต้องลุกขึ้นสู้

                หนังเอาตัวละครจากภาคแรกมาเป็นตัวเดินเรื่อง เรื่องราวบางอย่าง ปมบางปมก็มาจากภาคแรกเช่นกัน แนะนำให้ดูภาคแรกก่อน เพื่ออรรถรสในการดูภาค 2 ได้สนุกยิ่งขึ้น หนังเดินเรื่องตามสไตล์ผู้กำกับ คือเรื่องราวมักเกิดตามจุดต่างๆ ทั่วโลก แล้วค่อยๆนำมารวมกัน ความอลังการของ CG ยังคงรักษามาตรฐานความวายป่วงเมื่อถูกเอเลี่ยนถล่มในระดับหนึ่ง แต่ความสะใจที่จะได้เห็นสถานที่ต่างๆถูกถล่มนั้นดูน้อยไปนิด และภาคนี้เอาใจตลาดจีน เพราะเอาสาวหมวยมาเป็นตัวรองแต่มีบทเด่น ถือว่าหนังสนุกเป็นห้วงๆ รู้สึกเงิบๆ เป็นพักๆ เพราะมันฟินไม่สุดทาง  ติดให้ *** ครึ่ง

                โมโน ฟิล์ม ส่งภาพยนตร์เรื่องเยี่ยมของนักแสดงมือรางวัล  ทอม แฮงค์ส เรื่อง“A Hologram For The King” ภาพยนตร์ที่ดัดแปลงมาจากนวนิยายชื่อเดียวกันของ “เดฟ เอกเกอร์”  ผลงานผู้กำกับคู่บุญ   ทอม ทีคแวร์  เป็นหนังที่ IMDb บอกว่าเป็นตลกผสมดราม่า แต่ดูแล้วไม่ค่อยตลกเท่าไรแต่ดราม่ามาเต็ม  เรื่องของ อลัน เคลย์ (ทอม แฮงค์ส) นักธุรกิจชาวอเมริกันผู้ล้มเหลวทั้งการงานและชีวิตคู่ ได้รับคำสั่งจากบริษัทให้มาทำ presentation ถวายกษัตริย์แห่งซาอุดิอาราเบีย เพื่อเสนอตัวเป็นผู้วางรากฐานระบบออนไลน์ในเมืองใหม่ที่ทรงมีพระราชดำริจะสร้างขึ้น 

               หนังเดินเรื่องไปเรื่อย ไม่รีบไม่เร่ง ตัวอลันต้องเผชิญกับอุปสรรคนานับประการ ทั้งความล่าช้าในระบบราชการ อากาศที่ร้อนอบอ้าว อุปกรณ์ที่ขาดแคลน ไปจนถึงขนบธรรมเนียมแบบอิสลาม  การแสดงของ ทอม ก็ยังคงโดดเด่นด้วยการแบกหนังทั้งเรื่องไว้บนบ่า สามารถทำให้เราเอาใจช่วยเขาตลอดทั้งเรื่อง ไม่ว่าจะทุกข์ สุข เศร้า โรคภัยไข้เจ็บ โชคชะตา ความรัก มีครบทุกรสจริงๆ และขอชม Alexander Black รับบท Yousef  คนขับรถจอมทะเล้นที่เคมีเข้ากับ ทอม เป็นตลกที่ขโมยซีนเสียหลายฉากเลย  และทำให้เห็นสังคมซาอุดิอาราเบียที่ถือขนบธรรมเนียมแบบอิสลามอย่างเคร่งครัด เช่น การไม่ดื่มแอลกอฮอล์ การที่ผู้ชายไม่อยู่กับผู้หญิงตามลำพัง  ติดให้ ***

                โมโน ฟิล์ม ภูมิใจเสนอผลงานเจ้าพ่อหนังรัก จอห์น คาร์นีย์  กับภาพยนตร์เรื่อง“SING STREET  รักใครให้ร้องเพลงรัก”  นำแสดงโดย  เฟอร์เดีย วอลช์-พีลโล รับบท คอร์เนอร์  ส่วน ลูซี บอยน์ตัน ในบท ราฟินา   หนังพูดถึงเด็กหนุ่มจากเมืองดับบลิน คอร์เนอร์ ได้พบกับหญิงสาวสุดสวย ราฟินา และเพื่อพิชิตใจสาวคนนี้ เขาจึงได้เริ่มตั้งวงดนตรี แต่งเพลง ถ่ายมิวสิควิดีโอ เพื่อถ่ายทอดความคิดและความรู้สึกที่เขามีให้ต่อเธอ 

                การกลับมาของเจ้าพ่อหนังรักกับหนังเพลง หลังจากประสบความสำเร็จกับ Once บนเวทีออสการ์ คราวนี้ยังคงเป็นหนังเพลงเหมือนเดิม แต่เปลี่ยนจากหนังผู้ใหญ่เล่นมาเป็นหนังเด็กเล่นดูบ้าง หนังน่ารักมาก จำไม่ได้ว่าได้ดูหนังแนว Coming of Age ดีๆอย่างนี้ครั้งสุดท้ายเมื่อไร คือหนังมีครบทุกอย่าง ความงดงามในมิตรภาพระหว่างเพื่อน ความรักความผูกพันระหว่างพ่อแม่พี่น้อง ความรักแบบหนุ่มสาว การค้นหาตัวตนของวัยรุ่นกลุ่มหนึ่ง ฯลฯ คือทุกอย่างมันลงตัวมาก เป็นส่วนผสมของทุกสิ่งที่กลมกล่อมและละมุนละไมที่สุด โดยเฉพาะเพลงจะเด่นมาก ทั้งเพลงในยุค 80's จากศิลปินในสมัยนั้นและเพลงที่แต่งขึ้นใหม่ สะกดคนดูเคลิ้มไปตามเพลงเลย  ติดเต็ม *****