ยูโอบี เดินหน้าหนุนสตาร์ทอัพไทยเติบโตไกลระดับภูมิภาคชู 3 แพลตฟอร์มหลักที่พร้อมตอบโจทย์



ความท้าทายที่ธุรกิจสตาร์ทอัพกำลังเผชิญ ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่  ยังไม่ตอบโจทย์ รูปแบบธุรกิจที่ไม่ชัดเจนและโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อขยายธุรกิจ ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) จึงได้ประกาศความพร้อมในการสร้างและส่งเสริมธุรกิจสตาร์ทอัพไทยทั้งในกลุ่มฟินเทค (FinTech) และกลุ่มอื่นๆ ที่มีนวัตกรรมหรือแนวคิดการทำธุรกิจรูปแบบใหม่ๆ ในงาน “Unlock Startup Growth by UOB” ด้วยแพลตฟอร์มหลัก  3 ด้านที่พร้อมตอบโจทย์ความต้องการทางธุรกิจของสตาร์ทอัพทุกกลุ่มและทุกช่วงระยะที่ต่างกัน อันประกอบด้วย การจัดตั้งแหล่งบ่มเพาะสตาร์ทอัพ (Training and mentorship) โอกาสในการระดมทุน (funding channels) และ ความแข็งแกร่งและศักยภาพของเครือข่ายในระดับภูมิภาค (regional partnerships)

การจัดตั้งแหล่งบ่มเพาะสตาร์ทอัพ

     เริ่มด้วยโครงการบ่มเพาะสตาร์ทอัพ The FinLab Accelerator Programme สตาร์ทอัพกลุ่มฟินเทคที่ผ่านการคัดเลือกให้เข้าร่วมโครงการจะได้ไปร่วมอบรมที่สิงคโปร์เป็นระยะเวลา 3 เดือน โดยจะได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมด้วยความรู้ความชำนาญ ประสบการณ์ เครือข่ายทางธุรกิจ รวมทั้งผู้บริหารจากธนาคารยูโอบี ที่จะช่วยให้สตาร์ทอัพสามารถปรับแผนธุรกิจและโครงสร้างรายได้ของธุรกิจได้อย่างเหมาะสม นอกจากนี้ การเข้าร่วมโครงการที่ประเทศสิงคโปร์ ยังจะได้รับประโยชน์อีกมากมาย อาทิ ความสะดวกในการเริ่มต้นธุรกิจและการเข้าถึงเงินทุนของรัฐบาล

     นายเจมส์ รามา ปัทมินทรวิภาส ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ Channels & Digitalisation ธนาคารยูโอบี (ไทย) กล่าวว่า “ที่ยูโอบี เราเชื่อมั่นในการสนับสนุนและส่งเสริมผู้ประกอบการให้ธุรกิจสามารถเติบโตได้เต็มศักยภาพ โครงการบ่มเพาะ The FinLab นับเป็นหนึ่งตัวอย่างของการช่วยพัฒนาขีดความสามารถของสตาร์ทอัพกลุ่มฟินเทคได้ตั้งแต่ในช่วงระยะเริ่มต้น”

    “สตาร์ทอัพไทยจะได้รับคำแนะนำจาก The FinLab จนสามารถพัฒนาและนำเสนอผลิตภัณฑ์ รวมทั้งบริการที่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าและธุรกิจทั้งในประเทศและขยายไปในตลาดต่างประเทศได้ ซึ่งจะเอื้อประโยชน์อย่างมากทั้งต่อประเทศไทยและทั่วโลก”

โอกาสในการระดมทุนและความแข็งแกร่งและศักยภาพของเครือข่ายในระดับภูมิภาค

    โอกาสในการระดมทุน เป็นอีกหนึ่งความท้าทายสำคัญของสตาร์ทอัพในการขับเคลื่อนให้ธุรกิจเติบโต ยูโอบีจึงได้จับมือกับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านการระดมทุนนำเสนอสองแพลตฟอร์มคู่ขนาน ประกอบด้วย การเปิดโอกาสให้สตาร์ทอัพสามารถระดมทุนจากมวลชนผ่านระบบอินเตอร์เน็ต หรือที่เรียกว่า crowdfunding ผ่านบริษัท OurCrowd และการให้บริการการเงินกู้ในรูปแบบ venture debt ผ่านบริษัท InnoVen Capital (InnoVen) นอกจากนี้ สตาร์ทอัพยังสามารถอาศัยศักยภาพด้านความแข็งแกร่งของยูโอบีในระดับภูมิภาคในการพัฒนาและขยายธุรกิจของตัวเองไปในระดับภูมิภาคได้อีกด้วย

    InnoVen เป็นบริษัทร่วมลงทุนระหว่างยูโอบีและบริษัทเทมาเส็กโฮลดิงส์ของรัฐบาลสิงคโปร์ ที่จะให้บริการเงินกู้ในรูปแบบ venture debt แก่สตาร์ทอัพในภูมิภาคเอเชียที่มีศักยภาพในการเติบโตในหลายภาคส่วน เช่น สินค้าอุปโภคบริโภค ผลิตภัณฑ์และบริการด้านสุขภาพ และเทคโนโลยีสะอาด ด้วยรูปแบบการเงินแบบนี้ จะช่วยให้สตาร์ทอัพสามารถได้ทุนเพื่อขยายธุรกิจและเพิ่มมูลค่าของหุ้นบริษัทตัวเองได้ โดยไม่ต้องเสียหุ้นที่บริษัทตัวเองถือครองอยู่

    นายเจมส์ กล่าวเสริมว่า “วันนี้ช่องทางการเข้าถึงแหล่งเงินทุนรูปแบบใหม่อย่างการระดมทุนจากมวลชน หรือ crowdfunding และ การให้บริการการเงินกู้ในรูปแบบ venture debt จะเป็นโอกาสและทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับสตาร์ทอัพที่ต้องการขยายธุรกิจได้มากขึ้น ด้วยประสบการณ์ของยูโอบีที่ให้บริการลูกค้าโดยเฉพาะผู้ประกอบการรายย่อยทั่วภูมิภาคมากว่า 80 ปี เราจึงเข้าใจดีถึงความท้าทายที่ธุรกิจสตาร์ทอัพต้องเผชิญ รวมทั้งปัจจัยที่จะทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ ยูโอบีจึงพร้อมจะส่งเสริมและเป็นกำลังสำคัญในการสนับสนุนสตาร์ทอัพให้เติบโตและมีศักยภาพในการแข่งขันที่จะก้าวไปในเวทีระดับภูมิภาค”