ข้าวสารัช ข้าวออร์แกนิกบนแผ่นดินนกกระเรียนพันธุ์ไทย



นายเบญจพล นาคประเสริฐ ผู้อำนวยการองค์การสวนสัตว์ กล่าว เรามีนโยบายซื้อข้าวจากกลุ่มชาวนา เพื่อนำมาเป็นของขวัญปีใหม่ ประจำปี 2560 และเพื่อเป็นการสอดรับนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลในการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว และช่วยบรรเทาปัญหาราคาข้าวตกต่ำและ เพิ่มช่องทางการขายข้าวให้กับชาวนาในทุกพื้นที่ จึงถือเป็นการสร้างเสถียรภาพการผลิตให้กับเกษตรกร รวมถึงเป็นการประชาสัมพันธ์องค์การสวนสัตว์ ตามวิสัยทัศน์ “เป็นสวนสัตว์สีเขียวที่มีมาตรฐานสากลและเป็นผู้นำด้านการอนุรักษ์วิจัยและเรียนรู้สัตว์ป่า ภายใต้การบริหารจัดการ การบริการที่เป็นเลิศ”

'ข้าวสารัช' คือข้าวจากนาออร์แกนิกของจังหวัดบุรีรัมย์ที่ไม่ใช่แค่ข้าวธรรมดา แต่คือข้าวที่ช่วยให้ 'นกกระเรียนพันธุ์ไทย (Eastern Sarus Crane)' สัตว์ป่าที่เคยสูญพันธุ์จากธรรมชาติกลับสู่ท้องทุ่งของไทยอีกครั้ง

            องค์การสวนสัตว์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ รัฐวิสาหกิจในการกำกับดูแลของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้มีการดำเนินโครงการปล่อยนกกระเรียนพันธุ์ไทยกลับคืนสู่ธรรมชาติ ณ จังหวัดบุรีรัมย์ ร่วมกับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช มาตั้งแต่ปีงบประมาณ 2552 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งถือเป็นโครงการต้นแบบทางด้านการอนุรักษ์สัตว์ป่าของประเทศไทย ที่สามารถนำประชากรสัตว์ป่าที่เคยมีสถานภาพ สูญพันธุ์ไปจากธรรมชาติกลับคืนสู่ถิ่นอาศัยเดิมได้ โดยที่ผ่านมาได้มีการดำเนินงานปล่อยนกกระเรียนพันธุ์ไทยคืนสู่ธรรมชาติภายในอ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้มากและ อ่างเก็บน้ำสนามบิน จังหวัดบุรีรัมย์ ไปแล้ว จำนวน 70 ตัว

ปัจจุบัน ประชากรนกกระเรียนพันธุ์ไทย กว่า 40 ตัว ยังคงมีชีวิตรอดและดำรงชีพอยู่ในถิ่นอาศัยตามธรรมชาติ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสำเร็จในการดำเนินงานของโครงการฯ โดยส่วนหนึ่งเกิดจากความร่วมมือของกลุ่มชุมชน และชาวนาที่ปลูกข้าวบริเวณพื้นที่ใกล้เคียงได้ร่วมกันทำการเกษตรระบบอินทรีย์ จากการต่อยอดความสำเร็จ ไปสู่กระบวนการดำเนินงานเพื่อการอนุรักษ์ประชากรนกกระเรียนพันธุ์ไทยในธรรมชาติ ตามแนวประชารัฐ องค์การ สวนสัตว์ จึงได้จัดสรรงบประมาณในการดำเนิน โครงการจัดซื้อข้าวช่วยชาวนา เพื่อประโยชน์แก่โครงการอนุรักษ์นกกระเรียนพันธุ์ไทยจากกลุ่มวิสาหกิจชุมชนกลุ่มข้าวอินทรีย์บ้านสวายสอ จังหวัดบุรีรัมย์ ตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และนโยบายรัฐบาล เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการด้านประชากรนกกระเรียนพันธุ์ไทยและการจัดการพื้นที่อาศัยที่เหมาะสม ซึ่งเน้นในส่วนของการพัฒนางานทางด้านเกษตรอินทรีย์การสร้างความตระหนักและ ลดผลกระทบความขัดแย้ง โดยมีเป้าหมาย คือ ภายหลังสิ้นสุดโครงการฯ พื้นที่นาข้าวจำนวน 4 ตารางกิโลเมตร ในรัศมี 1 กิโลเมตร โดยรอบพื้นที่ชุ่มน้ำอ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้มาก อ่างเก็บน้ำห้วยตลาด และอ่างเก็บน้ำสนามบิน จังหวัดบุรีรัมย์ จะสามารถเปลี่ยนระบบมาผลิตข้าวอินทรีย์ และข้าวที่เป็นมิตร ต่อนกกระเรียนได้

ดังนั้น เพื่อให้การดำเนินงานดังกล่าวเป็นไปอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน อีกทั้ง เป็นการช่วยเหลือชาวนาและสร้างเสถียรภาพการผลิตให้กับภาคเกษตรกรตามนโยบายของรัฐบาล องค์การสวนสัตว์ จึงมีนโยบายจัดซื้อข้าวสารหอมมะลิ จำนวน 3 หมื่นกิโลกรัม (30 ตัน) จากกลุ่มชาวนา “วิสาหกิจชุมชนกลุ่มข้าวอินทรีย์ บ้านสวายสอ” จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่อาศัยและประกอบอาชีพทำนาอยู่บริเวณพื้นที่โดยรอบอ่างเก็บน้ำห้วยจรเข้มาก ที่เป็นแหล่งอาศัยและทำรังวางไข่ ที่สำคัญของนกกระเรียนพันธุ์ไทย โดยถือเป็นกลุ่มชุมชนต้นแบบกลุ่มแรก และกลุ่มเดียว ณ ปัจจุบัน ที่เริ่มมี การปรับเปลี่ยนระบบการผลิตมาเป็นข้าวอินทรีย์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อการอนุรักษ์ นกกระเรียนพันธุ์ไทย จนได้รับคัดเลือกจากองค์การสวนสัตว์ให้เป็นชุมชนต้นแบบเพื่อการอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำและนกกระเรียนพันธุ์ไทย ในปี 2559

ทั้งนี้ การสนับสนุนให้ชุมชนท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วมทางด้านการอนุรักษ์ จะทำให้ชุมชนได้ตระหนักถึงคุณค่าของการอนุรักษ์สัตว์ป่า และการสร้างความมั่นคงให้กับระบบนิเวศส่งผลให้ นกอยู่รอด คนอยู่ได้ ชุมชนมีสุข พร้อมทั้งสร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อองค์การสวนสัตว์ ต่อไป