“กำภู - รัชนีย์”ควงคู่กันดัง“โมเดิร์น ไนน์ ทีวี”ผลักดัน



กลายเป็นคู่หูดูโอ้ที่คบหาทำงานร่วมกันกว่าสิบปีปัจจุบันกลายเป็นที่รู้จัก สำหรับ กำภู  ภูริภูวดล  และ รัชนีย์ สุทธิธรรม หรือคนรู้จักในนาม“กำภู - รัชนีย์”  ดีเจลูกทุ่งมหานคร เอฟ เอ็ม 95 มี 2 ช่วงเวลา ตี 5 – 7 โมงเช้า และ 19.00-19.30 น. ทั้งยังเป็นพิธีกร 2 รายการคือ“คัมภีร์วิถีรวย” ทุกวันจันทร์- ศุกร์ เวลา 14.15 -15.00 น. และรายการ“คู่ข่าวเสาร์อาทิตย์” 12.00 – 13.00  น. ทางโมเดิร์น ไนน์ ทีวี นอกจากงานประจำแล้วทั้งคู่ยังรับงานร้องเพลง เพราะมีวงดนตรีลูกทุ่งและหมอลำวงใหญ่ชื่อ“กำภู - รัชนีย์” ได้รับการติดต่อให้ไปแสดงตามงานต่างๆมาทั่วประเทศ  ไม่เคยสร้างความผิดหวังให้กับเจ้าภาพแถมงานประจำก็ไม่เสียด้วย  ครั้งนี้โชคดีทั้งคู่ให้เกียรติให้สัมภาษณ์แบบกันเอ้งกันเองสุดๆ  โดยกำภูเผยหมดเปลือกกับการกว่าจะก้าวมาถึงจุดนี้ว่า

        “งานหลักๆเป็นพิธีกรรายการ“คัมภีร์วิถีรวย” ออกอากาศเวลาบ่าย 2 โมง 15 นาที ทุกวันจันทร์ – ศุกร์ นะฮะ พอเปลี่ยนเวลาได้เวลาเพิ่มจากเดิม 30 นาทีเป็น 45 นาที ก็ทำให้สามารถนำเสนอเรื่องราวอะไรที่เป็นแรงบัลดาลใจแล้วก็เป็นของอาชีพต่างๆซึ่งคนในสังคมสนใจมาก คือบางคนมานั่งดูทีวีบางทีเราก็เสียดายนะ ถ้าดูแล้วเขาได้แต่ความบันเทิงไปอย่างเดียวแล้วไม่ได้อะไรที่เป็นอาหารสมอง เราก็คิดว่ารายการ คัมภีร์ฯ อยากให้ความบันเทิงความสนุกสนานดูทีวีไม่เบื่อดูทีวีแล้วมีรอยยิ้ม ขณะเดียวกันได้อาหารสมอง เขานำไปใช้ประกอบอาชีพ สิ่งที่เรานำเสนอตั้งแต่อาชีพเล็กๆไปอาชีพใหญ่เลยนะครับ เช่น เปิดร้านข้าวต้มยังไงลงทุนแค่พันบาท จะมีกำไรวันละ 2-3 พันอย่างเนี่ย แต่เหนืออื่นใดก็คือต้องอร่อยครับ แล้วเราก็พาไปดูตลาดเพื่อให้เห็นว่าคนตื่นเช้าจะเห็นคน 2 กลุ่ม กลุ่มหนึ่งไปตลาดเพื่อจับจ่ายใช้สอย แต่อีกด้านไปตลาดเพื่อทำเงินไปเอาเงินกลับบ้าน  ตอนนี้เราตื่นเช้าขึ้นมาอยากจะเป็นคนกลุ่มไหน   ผมเคยไปที่ตลาดไท โซนอาหารสด เอาแค่เจ้าเดียวนะขายหมูวันเดียว 100 ตัว คิดดูว่ารายได้เขาจะเท่าไหร่นี่อยู่ในตลาดสด เพราะฉะนั้นตลาดสด ตลาดนัดเป็นแหล่งเงิน เราจึงอยากนำเสนอ กำภู - รัชนีย์ ก็จะพาไปดูตลาดคุยกับแม่ค้าสนุกสนาน สิ่งหนึ่งที่อยากให้เห็นมันมีการค้าการขายกันอยู่  การจะขายของที่ตลาดคุณแค่เสียค่าเช่าบูธบางที่ 20, 50 สูงสุด 100 บาท เราทำห่อหมกไปขายตลาดลงทุนแค่ 50 บาทค่าเช่าพื้นที่ขายได้ตังค์แล้ว บางคนไม่เคยกล้าไปตลาดเลยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาไปขายของเขาไปยังไง ไปติดต่อกับใคร คนที่ไม่เห็นช่องทาง คัมภีร์วิถีรวยเราอยากให้เห็นสิ่งนี้เป็นช่องทางฮะ ซึ่งคัมภีร์วิถีรวย ปีนี้ก็ขึ้นปีที่ 3 แล้วถือว่าค่อนข้างประสบความสำเร็จในเรื่องรายการและแฟนๆรายการที่อยู่ทั่วประเทศก็ติดตามนะครับ อาชีพไหนที่คนสนใจเหมือนเราได้มีโอกาสทำบุญไปด้วยนะครับ เราก็ดีใจมากแล้ว จริงรายการคัมภีร์วิถีรวย คิดร่วมกับทีมงาน คุณวินัย วงค์ไธสง โปรดิวเซอร์ฯ และน้องแอม, น้องอร, น้องสันต์, น้องโคช และน้องต้า เป็นน้องๆครีเอทีฟ โดยเฉพาะคุณวินัย โปรดิวเซอร์ที่อยู่กับผมตั้งแต่ผมทำรายการ ข่าวค้นคนข่าว นะฮะ เราก็คิดกันว่าเราอยากจะทำอาชีพและหลายคนก็ดูจากตัวพิธีกรด้วยว่า  กำภู-รัชนีย์ เป็นพิธีกรบ้านๆ คือจริงๆผมเป็นดินเป็นเด็กยากจนเป็นเด็กด้อยโอกาสมาก่อนจะได้เรียนหนังสือก็ยากกกกก ผมต้องไปบวชเป็นสามเณรเพื่อเรียนหนังสือกับเขา เพราะไม่มีเงินจะเรียนเราก็ไปทางอ้อมไปเรียนหนังสือทางพระ ผมถึงรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณพระพุทธศาสนา เป็นหนี้บุญคุณวัดวาอารามทุกวันนี้ถ้ามีโอกาสก็จะไปช่วยงานวัด ช่วยสร้างกุฏิ วิหาร ฯลฯ  ด้านโปรดิวเซอร์เขาก็มองว่าพิธีกรบ้านๆแล้วเรา 2 คนก็มีเพลงลูกทุ่งทำออกมา 5 อัลบั้ม อัลบั้มล่าสุด“อีสานบ้านเฮา” เราทำเป็นเพลงคู่ ติดชาร์ตนานที่สุดก็เพลง อีสานบ้านเฮา เป็นเพลงเก่าไม่เคยมีใครร้องแล้วติดชาร์ต คือเดิมมันเป็นเพลงเดี่ยวเราก็มาทำเป็นเพลงคู่  โปรดิวเซอร์เขามองเรา 2 คนเป็นดีเจลูกทุ่ง ร้องเพลงลูกทุ่งและเป็นคนสนุกสนานก็เอารายการคัมภีร์วิถีรวย เป็นรายการสร้างอาชีพให้ผู้คนในสังคมส่วนใหญ่ พวกผมไปตลาดพ่อค้าแม่ค้าเห็นเราเหมือนเป็นลูกเป็นหลานนะ เขาไม่ได้มอง กำภู รัชนีย์ เป็นดาราหรือเป็นพิธีกรใหญ่ เขามองว่าพวกเราเป็นคนที่เขาสนิทมากเลย เขาเห็นเราแล้วเขากล้าล้อเราเล่น เข้ามากอดเข้ามาหอมแก้มสนุกสนานเหมือนกับมีความรู้สึกคุ้นเคย ทั้งๆที่ไม่เคยเจอกันแค่เขานั่งดูหน้าจอทีวีแล้วเขามีความสุข แล้วก็ฟังเรา 2 คนจัดรายการที่เอฟ เอ็ม 95 ลูกทุ่งมหานคร เขามีความรู้สึกว่าเขาฟังธรรมะจากอีตากำภูธรรมะที่สนุก พอเขาได้เจอหน้าเราแล้วเขามีความสุข ฉะนั้นคัมภีร์วิถีรวยเลยออกมาเป็นรูปลักษณะนี้นะครับ  งานดีเจอเอฟ เอ็ม 95 ลูกทุ่งมหานคร จัดตี 5 ถึง 7 โมงเช้า จันทร์- ศุกร์  เราจัดคู่กันมาเป็นสิบปีเท่ากับอายุสถานีๆสิบปีย่างเข้าปีที่สิบเอ็ด ก็เป็นดีเจตั้งแต่เริ่มตั้งสถานีนะฮะ หลักๆนำเสนอข่าวสไตล์ชาวบ้านแบบเราคือสนุกสนานมองโลกด้านบวกให้มีรอยยิ้มแล้วก็เปิดเพลงลูกทุ่ง ผ่านมาสิบปีแฟนรายการก็เยอะมากเลย แท็กซี่ในมหานคร 70-80 % น่าจะเป็นแฟนเรา พ่อค้าแม่ค้าตามตลาดสดทุกภาคเป็นแฟนเรา คนไปตลาดเขาก็จะส่ง sms กลับมาบอกเราว่าตลาดนี้เปิดฟังรายการเราสนั่นหวั่นไหวเลย(เล่าไปยิ้มไป) ฟังอยู่ก็ดีใจนะครับ  แล้วก็เป็นพิธีกร“คู่ข่าวเสาร์อาทิตย์” ช่อง 9 เวลา 12.00 – 13.00 รายการนี้เริ่มมาปีกว่าๆนะฮะ เมื่อก่อนชื่อ“คู่ข่าวคู่ซี้” แต่มาเปลี่ยนเป็น คู่ข่าวเสาร์อาทิตย์ จากเดิม 30 นาทีก็เพิ่มเวลาเป็น 1 ชั่วโมง นำเสนอข่าวทั่วๆไปนะครับ แต่เอาบุคลิกของพิธีกรที่เป็นคนสนุกสนานเด็กดูได้ผู้ใหญ่ดูดี ดูแล้วก็มีรอยยิ้มมีความสุข ดูข่าวแล้วก็ต้องให้โอกาสหมายความว่า ก็ต้องมีอาชีพ ของดีๆในเมืองไทยเยอะนะครับ เพียงแต่ว่าบางทีเราไม่ค่อยเอามานำเสนอแล้วไม่ค่อยต่อยอดไม่ค่อยสนใจ คนที่ผลิตของเล็กๆน้อยๆในบ้านเราผลิตได้แล้วทำตลาดไม่เป็นไม่รู้จะไปไหนรายการนี้ก็จะมีช่วง คู่ข่าวสร้างอาชีพ ก็จะมีน้องอ้อแอ้ ไปตระเวนดูอาชีพต่างๆมานำเสนอ ซึ่งได้รับความสนใจดีมาก แล้วมีช่วง ร้อยเรื่องเมืองไทย  เป็นเรื่องดีๆของเมืองไทยเลยนะฮะ อยู่ในคู่ข่าวเสาร์อาทิตย์ ด้วย และต้นปีมีอีกรายการชื่อ“มหานคร นิวส์” คลื่น เอฟ เอ็ม 95 รายงาน 10 อันดับข่าวในรอบวัน 19.00-19.30 น. เป็นดีเจมา 7-8 ปี ด้วยความที่เราเป็นเด็กบ้านนอกที่คาดแคลนโอกาส แต่ทุกวันนี้เราก็พอมีโอกาสพอจะมีแฟนคลับมีคนที่มีทัศนคติคล้ายๆกับเรา ถ้าเรามีพอแล้วเรามาแบ่งปันให้กับสังคมดีมั้ย แบ่งปันให้กับคนด้อยโอกาส ให้กับวัดวาอาราม เลยชวนแฟนคลับไปทำประโยชน์ให้กับสังคมโดยทำโครงการห้องสมุดเพื่อน้องชนบท มีไปสร้างอาคารโรงเรียน เราไปสร้างที่ โรงเรียน บ้านทุ่งใหญ่ ภูกระดึง  อีกที่ ผานกเค้า สร้างอาคารเรียนและทำศูนย์เรียนรู้ให้เด็กมี ฟาร์มไก่ เลี้ยงเห็ด บ่อปลา ฯลฯ ให้คุณครูใช้เป็นศูนย์เรียนรู้ตำบลนั้นนะฮะ ใช้เงินก็เยอะแต่ว่าแฟนคลับน่ารักมากช่วยกันทำ และก็มีงานเพลง 5 อัลบั้ม ผมชอบชุดหมอลำมากก็เลยบังคับคุณรัชนีย์มาหัดรำหน่อย ผมชวนอาจารย์ดอน จินดามาจากขอนแก่นมาสอนรำที่บ้าน พอสอนเสร็จก็เอ๊ะทำเพลงด้วยซิก็เกิดอัลบั้มชุดที่ 1 ก็อาจารย์ สัญลักษณ์ ดอนศรี คนบุรีรัมย์แต่งให้ อาจารย์ก็เป็นแฟนรายการ อาจารย์ถามประวัติ รัชนีย์ อยู่บ้านหนองฮี  ร้อยเอ็ด กำภูอยู่บ้านทุ่งใหญ่ ก็เลยแต่งเพลง“หนุ่มหนองใหญ่สาวหนองฮี” เป็นเพลงแรกของชีวิตเลยครับ กระแสตอบรับดีขายได้ 80%  คือเราคิดว่าเราทำเป็นที่ระลึก แต่เราก็ได้รับความอนุเคราะห์จาก 7-11ให้ไปวางจำหน่ายนะครับ รายได้เราก็ไปทำสาธารณะประโยชน์ทำโครงการห้องสมุดให้เด็ก งานเพลงได้รับการต้อนรับดีเลยมีชุดที่ 2 ชื่อ“แฟนมหา” ผมเป็นมหาเก่า เขาก็เอาเป็นเพลงคู่เหมือนเดิมว่าคนเราได้แฟนเป็นมหาเปรียญเป็นยังไงนะ มันก็จะมีในเนื้อเพลง ชุดที่ 3 ตอนนั้นน้ำท่วมกรุงเทพฯปี 54 คนลำบากมากเลยช่วยเหลือกันก็เลยเป็นชุด“สาวปทุมหนุ่มเมืองนนท์”  ผมบ้านอยู่นนทบุรี รัชนีย์ก็อยู่เมืองนนท์ แต่อาจารย์ที่แต่งเพลงคิดว่าเห็นภาพบรรยากาศคนช่วยเหลือกันเหมือนกับหนุ่มสาวคู่หนึ่ง มาชุดที่ 4 เรามีความรู้สึกว่าคนกรุงเทพฯแปลกอยู่อย่างหนึ่งไม่เหมือนคนต่างจังหวัดบ้านเรานะ หัวบ้านท้ายบ้านรู้จักกันหมด คนกรุงเทพบ้านติดกันแท้ๆไม่พูดไม่รู้จักกันด้วย ก็เลยบอกอาจารย์ช่วยแต่เพลง“มนต์รัก กทม.” ชุดนี้ก็มีเพลงดังๆหลายเพลง เช่น เพลงแท็กซี่มิเตอร์ และอัลบั้มชุดที่ 5 “อีสานบ้านเฮา” เอาเพลงเก่าดังๆในอดีตมาทำใหม่หมดเลยนะครับ เช่น อีสานบ้านเฮา ที่ติดชาร์ตยาวนานมากนะครับ(ลากเสียง) นอกจากนั้นก็เป็นงานเขียนหนังสือผมบวชมาสิบปีนะ เป็นสารเณรแปดปีเป็นพระสองปี แต่พอเราสึกมาทำมาหากินมาอยู่กับผู้คนจำนวนมากๆเห็นคนไทยเป็นคนใจบุญชอบทำบุญแต่บางทีเขาก็เข้าใจไม่ค่อยถูกว่าทำสังฆทาน ถามว่ารู้จักมั้ยสังฆทานคืออะไร เขาตอบไม่รู้เห็นเขาทำกันก็ทำตามได้บุญ ผมก็เลยเอามาเขียนเป็นหนังสือชื่อ“ธรรมะมหานคร” เล่ม 1- 4 วางใน 7-11 และ ซีเอ็ทนะฮะ ก็จะให้ความรู้ว่าสังฆทานคืออะไร? ทำไมต้องปิดทองฝังลูกนิมิตฝัง? พระดื่มเหล้าต้องไล่สึกเลยหรือเปล่า? สังคมก็จะได้เข้าใจ เพราะตอนจัดรายการ ข่าวค้นคนข่าว มีประเด็นเกี่ยวกับพระเยอะคุณกนกแกก็ถามว่ามหาว่าไง แล้วตั้งให้ผมเป็นบรรณาธิการโต๊ะพระ ผมก็เลยคิดว่าเราควรจะเขียนความเข้าใจที่ถูกต้องตามหลักพระไตรปิฎกด้วยภาษาที่เข้าใจง่ายอ่านง่ายให้ชาวบ้านได้เอาไปอ่านจะได้รู้ และพอเราไปไหนคนสนใจเรื่องอาชีพที่ออกในรายการ คัมภีร์วิถีรวย มาก  บางคนก็มีคอมพิวเตอร์มีอินเตอร์เขาก็เปิดย้อนไปดูได้แต่บางคนไม่มี ผมก็เลยเอาอาชีพที่ออกในรายการมารวบรวมเป็นหนังสือชื่อ“คัมภีร์รวย” เล่มแรกวางขายในซีเอ็ท ก็จะทยอยเขียนรวบรวมไปเรื่อยๆถ้าทุนไม่หมดซะก่อน ก็ถือเป็นการให้วิทยาทาน เพราะในหนังสือจะให้เบอร์ของเจ้าของอาชีพไว้ไปติดต่อกันเองไม่ต้องมาติดต่อผมนะฮะ และเดือนมิถุนายนมีงานโฆษณา 2 ตัว เป็นปุ๋ย กับ ขนม (ของไพบูลย์ โปรดักซ์) นอกจากนี้ก็รับงานร้องเพลง ผมมีวงดนตรีลูกทุ่งและหมอลำ“กำภู - รัชนีย์” มีทีมงานกว่า 70-80 คนครับ  เราไม่ได้เดินสาย แต่เราไปตามงานที่มีคนจ้างเพราะว่าเราเป็นพิธีกรรายการไม่สามารถเดินสายได้  ก็มีแฟนเพลงจ้างไปแสดงในงานบวช งานแต่งงาน งานขึ้นบ้านใหม่ งานฉลองโบสถ์ งานประจำปี ฯลฯ ก็รับหมดนะครับ ติดต่อที่หมายเลข 084-343-5493 , 089-865-8064 เวลารับงานเราก็รับเป็นศิลปินคู่เพราะศิลปินคู่บ้านเราน้อย แต่กำภู รัชนีย์ เป็นดีเจดูโอ้และเป็นนักร้องคู่ เพราะฉะนั้นงานที่ติดต่อมาเราขายเป็นคู่นะครับ ส่วนงานอีเว้นท์ งานพิธีกรก็มีเป็นประจำครับ ก็ถือว่าเราไม่ได้คิดอะไรมาก ศิลปินคู่อยู่ด้วยกันไม่ได้ เพราะมีปัญหาเรื่องค่าตัว ส่วนเรายอมรับหาร 2 แต่ศิลปินคู่เขาคิดราคาเป็นหนึ่งนะ แต่เราไม่ได้ซีเรียดเราก็ทำแล้วมีความสุขแล้วก็ดูแลทีมงาน ได้มาหาร 2 ก็ไม่เป็นไรไม่ได้คิดอะไรมากฮะ”

                ด้านพิธีกรคู่หูคู่ซี้   รัชนีย์   เผยว่า“เจอพี่กำภู เพราะทำงานที่เดียวกันที่สำนักข่าวไทย แต่ก่อนนี้ต่างคนต่างอยู่ที่สำนักพิมพ์ ของพี่กำภูอยู่วัฎจักร ของพี่อยู่ผู้จัดการแล้วเกิดวิกฤตปี 40 หนังสือพิมพ์ก็โละคนให้ลาออกเราก็สมัครใจลาออกมาแล้วมาเจอกันที่ อสมท ต่างคนก็ต่างทำงานพี่เขาอยู่โต๊ะสายการเงิน พี่อยู่สายไอที มาทำงานที่สำนักข่าวไทยได้ประมาณสองปีนะคะ ก็เริ่มที่จะหัดจัดรายการวิทยุ ต่างคนต่างหัดต่างคนต่างจัด เขาก็จัดกีฬาบ้างการเงินบ้าง เราก็จัดไอที แต่พอยุคที่คุณมิ่งขวัญ เอาคลื่นวิทยุมาทำเอง คลื่นลูกทุ่งมหานคร เขาก็เริ่มที่จะวางผัง ดึงพี่กำภูมาจัดตอนนั้นจัดอยู่คนละช่วง ทำไปทำมาพี่กำภูก็บอกว่ามีท่านรองท่านหนึ่งอยากให้เราจัดเป็นคู่กัน จะจัดคู่ชายๆหรือหญิงๆก็ได้ก็ชวนพี่กำภูไปคุย พี่กำภูบอกว่างั้นผมก็จัดเป็นชายหญิงดีกว่ามันจะได้มีลูกเล่นเยอะกว่า  พี่กำภูก็ขับรถกลับบ้านและได้ยินเสียงพี่จัดรายการอยู่ เอฟ เอ็ม 100.5 นี่พี่กำภูเล่าให้ฟังนะ ตอนนั้นยังไม่ได้มาจัดวิทยุที่ 95 พี่กำภูบอกได้ยินเสียงหวานเสียงออดอ้อนมีหางเสียงก็เลยโทรมาชวน ก็รับปากทันทีเลย เพราะปกติเป็นคนฟังเพลงลูกทุ่งอยู่แล้ว ตอนเด็กเราเลี้ยงวัวเลี้ยงควายเราก็จะร้องเพลงพุ่มพวงได้ทุกเพลง พอเป็นเพลงลูกทุ่งเราก็อยากจัดอยากเป็นดีเจอยู่แล้ว คือตอนนั้นเป็นนักจัดรายการวิทยุแต่อารมณ์มันไม่เหมือนกับเป็นดีเจก็เลยมาจับคู่กัน 6 เดือนแรก อาจจะยังไม่เห็นฟีคแบ็ค เราก็จะคุยกันทุกวันจัดรายการตีห้าถึงเจ็ดโมงเช้าเสร็จก็เดินไปกินข้าวด้วยกันทุกวันๆๆจนเริ่มมีแม่ค้าหน้า อสมท. ทักว่าคนไทย กำภู รัชนีย์นะ ทั้งที่เราเดินทุกวันอย่างนั้นมาตั้ง 6 เดือนจนเดือนที่ 6 แม่ค้าถาม 2 คนนี้ใช่มั้ยกำภู รัชนีย์ แม่ค้าบอกเออสนุกดีนะรายการสนุกดี คนใน อสมท. ก็เริ่มรู้จัก อ้อนี่เหรอ กำภู รัชนีย์ มันก็เริ่มมีกระแสขึ้นมาเรื่อยๆจนเวลาผ่านไปหนึ่งปีสองปีสามปีแฟนคลับก็เริ่มมากขึ้น เป็นดีเจหน้ามันยังไม่ออกทีวีกันคนก็เหมือนอยากเห็นมากมีกิจกรรมของคลื่นที่ไหนคนจะแห่มานี่เหรอตัวจริงกำภู รัชนีย์(เล่าไปยิ้มไป)  ซึ่งสมัยนั้นก็เหมือนเด็กบ้านนอกเนาะ(หัวเราะ) คือเราออกแต่เสียงจะไม่แต่งเนื้อแต่งตัวก็เป็นคนบ้านๆธรรมดาจนเวลาผ่านไปพี่กำภูได้ไปทำรายการ ข่าวค้นคนข่าว คนก็เริ่มรู้จักคุณกำภู อ้อนี่เหรอกำภูแล้วไหนรัชนีย์ ใครที่เดินคู่กับกำภูยุคนั้นก็จะตีเป็นรัชนีย์หมด จนเมื่อประมาณสามปีที่แล้วผู้ใหญ่ของ อสมท.จะเดินทางไปเยี่ยมศูนย์ต่างๆของอสมท.ที่ต่างจังหวัดและเกิดคำถามจากชาวบ้านว่า ช่อง 9 เหรอ กำภู รัชนีย์มามั้ย คนนั่งแท็กซี่มา อสมท.จะถามว่ากำภู รัชนีย์ นั่งจัดรายการอยู่ที่ไหน คนถามถึงๆจนถึงหูผู้ใหญ่  ผู้ใหญ่ก็บอกว่าเอ๊ะ 2 คนนี้ทำไมชาวบ้านถามถึงมาหารายการให้เขาทำกันดีมั้ย  น่าจะเป็นรายการที่เข้าถึงชาวบ้านแต่ว่าเอาเนื้อหาน่าจะเป็นประโยชน์และให้สนุกตามสไตล์เขาเลย ก็เลยเป็นที่มาของรายการ“คัมภีร์วิถีรวย”  ซึ่งจะมีช่วงออกไปเดินตลาด ออกไปถ่ายทำนอกสถานที่ การจัดรายการเราไม่ได้นัดกันมันเหมือนกับจังหวะมันได้ด้วยความที่เราทำงานกันมานานมาก คือพอเขาจะพูดอะไรเราก็จะรอว่าอ้อเขาจะมามุกนี้เป็นมุกสดเลยคะ และมีน้อยมากที่จะไม่รู้กัน คือถ้าเปรียบเป็นเปอร์เซ็นต์ 0.5% จะไม่รู้กันว่าอ้อจะเล่นมุกนี้ แต่น้อยมากแต่ 99 % คือจะรู้ว่าเขาจะเล่นมุกอะไร เหมือนรู้ใจกันไปโดยปริยาย ซึ่งก็ทำให้เรามีความสนุกในการทำงาน มีความสุขกับการได้ตื่นเช้าขึ้นมา ทำงานด้วยกันตั้งแต่เช้ายันเย็น กลับบ้านไปก็รีบนอน เพราะต้องรีบตื่นเช้าเป็นภารกิจที่เราต้องทำต้องตื่นตี 4 ครึ่ง เพื่อมาจัดรายการ ไม่เคยมีเลยที่เราเหนื่อยเราง่วงเราท้อไม่เคยมีเลย ตรงกันข้ามถ้าวันไหนนาฬิกาไม่ปลุก ปลุกแล้วไม่ได้ยินจะรู้สึกผิดมากที่ไม่ได้ตื่นมาจัดรายการไม่ทันหรือมาสายนะคะ จะรีบขับรถไม่ห่วงชีวิตเพื่อให้มาให้ทัน รายได้น้อยมากแต่มีความสุขกับงาน รายได้ก็เป็นส่วนหนึ่งไม่ได้เป็นแรงจูงใจเราถึงขนาดนั้น  ทีแรกก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนธรรมดาเฉยๆไม่ได้มีความรู้สึกว่าคนเขาเห็นแล้วดีใจที่เห็นเรา แต่เรารู้สึกว่าเราเป็นคนธรรมดาจนพี่กำภูคอยเตือนว่า รัชนีย์แต่งตัวดีๆหน่อย แต่งหน้าบ้างเพราะเดี๋ยวนี้เดินไปไหนคนเขาก็มาขอถ่ายรูปเดี๋ยวเขาผิดหวังนะ เราก็เอ๊ะเอาจริงเหรอ จริงหรือเปล่ามันไม่ใช่มั้งคะ เราก็ไม่ได้คาดหวังว่าเราต้องพิเศษหรือว่าพิเศษไปกว่าคนอื่น ลึกๆแล้วก็ดีใจที่มีคนกลุ่มหนึ่งที่เขารักเรา รักเราจริงๆนะคะ บางคนเหมือนคือเราไม่เคยได้ความรู้สึกนี้จากคนคือ คนแถวบ้านเราอาจจะไม่ได้แสดงออกอย่างนั้น แต่บางคนเขารักเราจริงๆรักอย่างไม่มีข้อแม้อะไรเลย ก็ดีใจปลื้มๆแต่เราก็มีความรู้สึกว่าเราธรรมดาๆไม่ได้เป็นคนดัง(พี่กำภูเสริมว่าเวลาไปถ่ายรายการแฟนคลับจะเตรียมของฝากมาให้เราเพียบโดยที่เราไม่คิดว่าเขาจะเอามาให้เราขนาดนี้ฮะ) แฟนคลับเขามีน้ำใจมาก คือคนเขาเหมือนกับสัมผัสเราหน้าจอแล้วเขากล้าที่จะเข้ามาคุยกล้าที่จะเข้ามาพูดเล่นกับเราโดยที่ไม่เคยเจอกันมาก่อน เอ้ยกำภูตัวจริงเตี้ยนี่หว่า ตัวจริงตัวเล็กในทีวีดูตัวใหญ่ ตัวจริงเท่าลูกแมวเลยคือเขากล้าที่จะใช้คำพวกนี้กับเราก็แปลว่าเขาสนิท ถามว่าโกรธมั้ย ไม่โกรธคะ เราก็จะแหย่กลับไปเหมือนกันมันเหมือนกับเป็นญาติๆกัน(เล่าไปยิ้มไป) เกือบ 100 % ทุกคนจะถามว่าเป็นผัวเมียกันมั้ย ใช้คำอย่างนี้เลย(ยิ้ม) บางคนจะบอกว่าติดตามตลอดเลยผัวเมียคู่นี้จัดอยู่ทุกเช้า คือเขาก็ฟันธงไปในใจเขาแล้วว่าใช่ (พี่กำภูแซวว่า กำภูเสียหายรัชนีย์ไม่เสียหาย ทั้งคู่ต่างหัวเราะพาให้คนสัมภาษณ์หัวเราะไปด้วย)  คนอยากรู้เยอะว่าจริงๆแล้วเป็นยังไง เราก็จะบอกว่าเป็นเพื่อนร่วมงานกันมาสิบกว่าปีมันทำให้อ้าปากก็เห็นแล้วว่าลิ้นไก่เป็นยังไง(หัวเราะ)”