“จุ๋ม ปอยเด้ง”อ่านหนังสือกฎแห่งกรรม สอนลูกสำนึกบุญคุณบิดามารดาเลี้ยงดู



หากเห็นหน้าผู้สื่อข่าวภาคสนามคนนี้มักมาพร้อมรอยยิ้มและเสียงหัวเราะที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวจนได้ฉายา“จุ๋ม ปอยเด้ง” หรือ  จุ๋ม-นพขวัญ นาคนวล  ผู้ประกาศคนเก่งวิก 3 พระราม 4  ซึ่งชีวิตไม่ได้โรยด้วยรอยยิ้มแต่เคยตกเลขศูนย์  เจ้าตัวสามารถผ่านวิกฤตนั้นมาจนมีชื่อเสียงโด่งดัง  แม้หน้าที่จะหนักยามว่างหยิบจับหนังสือพิมพ์ นิตยสารมาอ่านหาข้อมูลการทำงาน และอ่านหนังสือกฎแห่งกรรมให้ลูกฟัง เพื่อสอดแทรกแง่คิด  โดยจุ๋ม ปอยเด้งเผยเรื่องงานและฝากเรื่องการอ่านหนังสืออย่างอารมณ์ดี  

            “พี่เป็นผู้สื่อข่าวภาคสนามรายการเก็บตกค่ะ และเป็นผู้ประกาศข่าวช่อง 28 SD รายการ“เป็นข่าวเช้านี้” ค่ะ และก็ทำในส่วนของผู้สื่อข่าวภาคสนามเที่ยงวันทันเหตุการณ์ และเรื่องเด่นเย็นนี้ค่ะ พี่อยู่วงการข่าวมายี่สิบปีแล้วค่ะ ภาพลักษณ์และฉายา“จุ๋ม ปอยเด้ง” ได้ตอนช่วงน้ำท่วมปี 54 ค่ะ(หัวเราะอร่อยเหาะ)  ไปช่วยคนที่เดือดร้อนจากน้ำท่วมในสไตล์สนุกสนานร่าเริง พลิกวิกฤตจากความเครียดมาเป็นความสดใสร่าเริงนะค่ะ เรื่องฮาๆอย่างเดียวค่ะ ซึ่งสภาพจิตใจพวกเขาก็ดีขึ้นและการตอบรับของเขาดีมาก เพราะหลังจากที่เขาเครียดจมกับความทุกข์ เพราะทุกคนเดือดร้อนหมด พอเราทำข่าวแบบนี้ ไปเล่นกับชาวบ้าน ไปพูดกับชาวบ้านทำให้เขาคลายทุกข์และทำให้เขาได้นอนหลับขึ้นจากเดิมที่ไม่เคยนอนหลับเลยค่ะ  บ้านพี่ก็น้ำท่วม 2 เมตรก็ปล่อยทิ้งไว้ค่ะ คือบ้านพี่มีหลายคน น้องก็อยู่ แฟนก็อยู่ทุกคนก็แบ่งหน้าที่กัน ตัวเองก็แทบไม่ได้ดูแลบ้านตัวเองแต่ไปช่วยชาวบ้านเขาก่อนไงค่ะ  พี่คิดอย่างเดียวว่าสักวันหนึ่งความทุกข์เหล่านี้มันต้องหายไปแล้วมันไม่ได้ทุกข์เสมอไปหรอก แล้วมันก็มีวันหนึ่งที่จะเป็นโอกาสของเราค่ะ พี่ก็ไม่รู้ว่าไอ้สิ่งที่พี่ลงไปช่วยชาวบ้านพร้อมรอยยิ้มเพื่อให้ทุกคนมีสภาพจิตใจสดใสร่าเริง เราคิดเสมอว่าความทุกข์มันไม่อยู่กับเราตลอดไป วันพระไม่ได้มีหนเดียว วันหนึ่งเราต้องเจอแสงสว่างซิ(ยิ้มหวาน)  แต่พี่ก็มีช่วงวิกฤตของที่ยิ้มไม่ออกตอนคุณพ่อและแฟนเข้าไอซียูพร้อมกันทั้งคู่ และหมอบอกว่าไม่รอด พี่วิ่งแยกสองโรงพยาบาลต้องแบ่ง เพราะพี่มีน้องอยู่ เพราะงั้นให้น้องดูแลคุณพ่อ พี่ก็ดูแลสามีก็ต้องวิ่งสองโรงพยาบาลและช่วงนั้นพี่เรียนปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยศรีปทุมใกล้จะจบ  เจอวิกฤตพร้อมกันแต่ว่าวิกฤตตรงนั้นก็พลิกไปได้จากที่เราแย่จุดศูนย์เลย เราก็พยายามจะดึงสภาพจิตใจของเราให้มันดีขึ้นให้มันยิ้มแย้ม คือต้องสู้กับมันแล้วมันก็ผ่านไปให้ได้  ในความแย่ของพี่ตั้งแต่ต้นปียันกลางปีแต่ในปลายปีพี่มาเจอโอกาสดีๆพี่มามีชื่อเสียงโด่งดังตอนน้ำท่วม จากที่ไม่เคยมีคนรู้จักก็กลายเป็นว่าทุกคนกระหน่ำมาที่พี่หมดเลย  มีหลายหน่วยงานอย่าง หนังสือพิมพ์เอย นิตยสารเอยติดต่อมาเต็มเลยค่ะ มันก็เหมือนจุดประกายให้พี่มีชีวิตใหม่ค่ะ เราพยายามมองโลกในแง่ดีว่ามันไม่เสมอไปหรอกนะความทุกข์อย่างนี้ เราดีกว่าหลายๆคนซิ มองย้อนกลับไปหลายๆคนที่เขาทุกข์มากกว่าเราก็เลยให้กำลังใจกับตัวเองค่ะ ส่วนฉายา“จุ๋ม ปอยเด้ง” พี่ชื่อจุ๋ม ปอยเด้งก็คือว่าช่วงน้ำท่วมไม่ค่อยได้ดูแลตัวเอง คือปกติเป็นคนที่ชอบแต่งตัวและผมยาว ก็ต้องเข้าร้านทำผมไดร์ผมใช่ไหมค่ะ ช่วงน้ำท่วมไม่มีเวลา เพราะร้านค้าน้ำท่วมหมด พี่ก็มัดผมเป็นพวงหางกระรอกมันก็เลยเป็นฉายา จุ๋ม ปอยเด้ง  เด้งก็คือไปที่ไหนต้องรำต้องเต้น เด้งๆรำๆ ปอยก็คือปอยผม เด้งก็คือคุณมีนิสัยร่าเริงสดใส โปรดิวเซอร์รายการเก็บตกเป็นคนให้ฉายานี้ ก็ชอบค่ะ(หัวเราะ)  เราภูมิใจนะมันไม่เคยคิดว่าชีวิตเราจะเปลี่ยน คือจริงๆพี่ก็อยู่เบื้องหลังมาตลอด ก่อนหน้านี้เป็นผู้ประกาศเปิดหน้าแต่ไม่มีใครรู้จัก แล้วก็บรรยายเก็บตกมานานมากหลายปีออกแต่เสียงไม่เห็นหน้า พอวิกฤตจากน้ำท่วม ทางข่าว 3 มิติเขาให้ไปช่วยทำสกู๊ปเฮฮาทุกวันก็เลยติดกระแส หลังจากนั้นก็เปลี่ยนชีวิตตัวเอง  อีกทั้งพอผู้ใหญ่เห็นก็ให้พื้นที่ให้โอกาสเรา ก็สามารถเปิดหน้าในรายการเก็บตก ได้มีพื้นที่ทำข่าวมากขึ้นและเริ่มอะไรที่ดีขึ้นในชีวิตค่ะ คือทำงานมานานนะมาได้ดีตอนแก่(หัวเราะร่วน)

                พี่จะอ่านหนังสือพิมพ์ เพราะต้องติดตามข่าว เกาะติดกระแสข่าว อ่านหนังสือพิมพ์หรือนิตยสารอย่าง แพรว คู่สร้างคู่สมนะค่ะ มันได้ประโยชน์มันผ่อนคลาย เพราะในเนื้อหาบางทีเหมือนมีข้อคิดมีอะไรให้เราได้ศึกษาและได้เป็นแบบอย่าง และมันมีเรื่องดีๆ พออ่านแล้วเราเจอชีวิตคนนี้พลิกมันมีอะไรทำให้เรากระตุ้นให้มีกำลังใจให้ทำงานต่อ  หรือบางทีมีเรื่องของคนจิตอาสาหรือทำหัตถกรรม หัตถศิลป์ เขามาต่อยอดจนมีการส่งออกมีรายได้ที่ดี พี่ก็ลงพื้นที่ไปทำข่าวนำมาเสนอให้ผู้ชมทางบ้านดู เพราะมันเป็นข่าวที่ดีสามารถแชร์ความรู้นี้ออกสู่ผู้คนได้  เวลาเราไปทำข่าวเขาต้อนรับเราอย่างดีไม่ห่วงในเรื่องของข้อมูลและความรู้เขาให้พี่เต็มที่  ให้เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยให้ประโยชน์กับเราและให้ประโยชน์ต่อสังคม แต่ส่วนมากจะคำนึงถึงประโยชน์ของสังคมมากกว่า เพราะเราต้องทำข่าวมาอออกอากาศให้ผู้ชมทางบ้านได้รับรู้และมีสิทธิ์เลือกอาชีพหรือเลือกวิถีชีวิตของเขา  พี่เคยอ่านหนังสือให้ลูกฟังตอนเล็กๆ พี่ชอบอ่านหนังสือกฎแห่งกรรมให้เขาฟังจนโต เพื่อเขารู้  ลูกพี่ผู้ชายค่ะ พี่จะสอนให้เขาซึมซับและเล่านิทานเรื่องกฎแห่งกรรมให้ฟังว่า คนทำไม่ดีก็จะกรรมตามสนอง และมีเรื่องของความกตัญญู แม้คุณจะทำดีมากแค่ไหนแต่คุณไม่ดูแลพระอรหันต์ที่บ้าน  คุณก็จะได้คะแนนไม่เท่ากับการดูแลพระอรหันต์ พระอรหันต์ก็คือพ่อกับแม่ที่เลี้ยงดูเรามา คือถ้าเกิดทำดีกับพ่อแม่หนึ่งครั้งได้แสนคะแนน แต่ในขณะที่คุณทำดีกับอย่างอื่นคุณยังได้หมื่นคะแนน ลูกจะทำแบบไหน ให้พ่อกับแม่ได้อิ่มก่อนแล้วค่อยไปดูคนอื่น พี่ก็จะสอนลูกแบบนี้ค่ะ   จุ๋มอยากจะฝากทุกคนนะค่ะว่า หนังสือมีคุณค่าและมีประโยชน์บางทีเป็นสิ่งที่เรามองข้าม เพราะเดี๋ยวนี้โลกอินเตอร์เน็ตมันมาแรงมาก เพราะงั้นกระแสโซเชียลมาแรง แต่ว่าจริงๆเราไม่อยากให้ทิ้งหนังสือ เพราะหนังสือจริงๆมันมีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยมีสิ่งที่มีค่ามีความรู้มากมายที่เราควรจะค้นหา  แต่บางทีเรามองข้ามไปและมองหาในสิ่งที่เป็นเทคโนโลยีใหม่ๆ  ซึ่งจริงๆแล้วหนังสือเนี่ยถ้าเรามีติดบ้าน เรามีติดรถมันก็เป็นสิ่งที่ดี ช่วยเตือนสติอย่าง หนังสือธรรมะ หนังสือบทสวดมนต์ หรือหนังสือการสอนทำความดี  มันก็เป็นสิ่งที่ดีนะค่ะ มันจะเตือนสติสะท้อนในสิ่งที่เราดำเนินชีวิตได้ค่ะ(ยิ้ม)”

เฉลยคำถาม วิศิษฎ์  ศาสนเที่ยง เขียนหนังสือเล่มแรก รุ่นพี่

                คำถาม จุ๋ม ปอยเด้ง อ่านหนังสืออะไรให้ลูกฟัง?

ทราบคำตอบเขียนชื่อ - ที่อยู่และคำตอบ ลงไปรษณียบัตรส่งมาที่ เปิดหน้านักเขียน  32/15 ซ.ลาดพร้าว 23 แขวง จันทรเกษม เขต จตุจักร  กรุงเทพฯ 10900  ผู้ตอบถูก 3 ท่านจะได้รับหนังสือนิยายจาก  นานมีบุ๊คส์   (ขอบคุณที่สนับสนุนของรางวัล)