ถูกยกเป็นนักเขียนสายดราม่า เพราะผลงานแต่ละเรื่องเล่นกับอารมณ์ของตัวละครซะส่วนมาก กับเจ้าของนามปากกา“สุริยาทิศ” หรือ “สุทิวรา” และ “อาทิตย์กวี” ส่วนในความจริงคือ โจ้ - สุริยาทิศ โพธิ์ประสิทธิ์ ผู้เนรมิตนิยายพีเรียดย้อนยุค บีบคั้นอารมณ์ได้อย่างยอดเยี่ยม กินใจ ซึ่งล่าสุดนิยายพีเรียดเรื่องใหม่“ลูกเขยวังแตก” รอการพิจารณาจากสำนักพิมพ์ คงอีกไม่นานแฟนคลับได้อ่านกัน แต่ขอบอกว่าแค่ชื่อก็น่าอ่านแล้ว โดยโจ้เปิดใจหมดเปลือก
“ปัจจุบันงานหลักของผมคือ รับออกแบบปกหนังสือ ส่วนมากจะเป็นปกนวนิยายครับ ร่วมงานกับ สำนักพิมพ์ในเครือสถาพรบุ๊คส์, สำนักพิมพ์เพื่อนดี, สำนักพิมพ์ปองรัก, สำนักพิมพ์ชโลธร, สำนักพิมพ์ในเครือสตรีทไรท์เตอร์ส และรับทำให้นักเขียนฟรีแลนซ์ทั่วไปด้วยครับ ส่วนงานเขียนนิยายนั้นทำเป็นงานอดิเรกครับ ช่วงที่มีเวลาว่าง ผมเริ่มต้นจากการอ่านครับ และมีเรื่องราวของตัวเองที่อยากจะเขียน ก็เลยลองเขียนดู และพบว่ามันเป็นกิจกรรมที่ตัวเองชอบ แต่เริ่มเดิมทีอาจเป็นคนชอบเขียนอยู่แล้ว (หมายถึงเขียนไดอารี่ เขียนเรื่องสั้น ฯลฯ) นิยายเรื่องแรก‘บ่วงพิษสวาท’ ครับ พิมพ์กับพิมพ์คำสำนักพิมพ์ ในเครือสถาพรบุ๊คส์ แนวพีเรียดเริ่มที่ยุครัชสมัยรัชกาลที่ 5 จนมาถึงช่วงเปลี่ยนแปลงการปกครอง และแนวสยองขวัญ ชาติภพด้วยครับ นามปากกาที่ใช้มี สุริยาทิศ, สุทิวรา, อาทิตย์กวี ครับ ความหมายจะพ้องกันคือ เกี่ยวกับพระอาทิตย์ ผมรู้สึกว่าพระอาทิตย์เป็นสัญญาณของความสว่างไสว เจริญรุ่งเรือง พอนึกถึงแล้วมันไบรท์ดี เรียกง่ายๆ ว่ามันไม่มืดแปดด้าน งานเขียนนิยายของผม ถ้าเขียนแบบไม่จริงจังก็คงตั้งแต่เด็กๆ ครับ แต่เอาจริงจังจนเกิดผลงานก็เริ่มตั้งแต่ปี 2553 ครับ ได้ออกผลงานนวนิยายไทยเรื่องแรกกับสำนักพิมพ์พิมพ์คำ ในเครือสถาพรบุ๊คส์เมื่อต้นปี 2554 นิยายที่ตีพิมพ์ก็จะสามพันเล่มครับ กับสถาพรบุ๊คส์เช่นกัน แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ได้รับการต่อสัญญาและพิมพ์ซ้ำคือ ‘เมืองริษยา’ ครับ ส่วนนิยายที่สร้างชื่อ? ผมไม่แน่ใจว่าตัวเองมีชื่อหรือยัง(หัวเราะ) แต่เอาเป็นนิยายที่ได้รับฟีดแบคตอบกลับมากที่สุดแล้วกันนะครับ ผมคิดว่าเป็นเรื่อง‘ภริยา’ นามปากกา‘สุริยาทิศ’ พิมพ์กับสำนักพิมพ์มายดรีม ในเครือสถาพรบุ๊คส์ครับ ที่ได้รับฟีดแบคมากอาจเพราะมันคือ นิยายดราม่าที่มีเนื้อหายาวและเครียดที่สุดเท่าที่ผมเขียนมา คนอ่านเลยพลอยมีอินเนอร์ความเครียดไปด้วย สำหรับพล็อตนิยายส่วนมากจะเกิดตอนอาบน้ำครับ ไม่รู้เพราะอะไรเหมือนกัน หรืออาจเป็นเพราะระหว่างอาบน้ำ ผมจะเปิดเพลงเอ็มพีสามในห้องน้ำด้วย ส่วนมากเพลงจะพาไปเจอพล็อต เวลาที่เกิดความรู้สึกว่าพล็อตตัน ก็จะเข้ายูทูปไปฟังเพลงเหมือนกัน ช่วงเวลาในการเขียนนิยายของผมคือ เวลาที่ใจเรียกร้องให้เขียนครับ มันเกิดขึ้นได้ทุกเวลาสำหรับผม โดยเฉพาะเมื่อนึกถึงซับพล็อตหรือซีนสำคัญได้และอยากเขียนมันออกมาเป็นสถานการณ์ทันที ซึ่งจริงๆแล้วบรรยากาศสำหรับผมได้ทุกแบบเลยนะ เว้นอย่างเดียวอย่าเป็นตอนฝนตกฟ้าร้อง เพราะผม
กลัวฟ้าร้อง ฟ้าแลบ กลัวเสียงน่ะครับ ได้ยินแล้วผวาและอยากหลับตานอนทันที ผมมารู้ว่าชอบเขียนนิยายตอนที่อ่านนิยายหลายๆ เรื่องไปสักพักครับ และตอนนั้นเป็นช่วงที่ลาออกจากมหาวิทยาลัยมาพักฟื้นที่บ้าน (ป่วยโรคปอด เมื่อปี 2553) พอชีวิตมันว่างก็เลยหาอะไรทำ เลยลองเขียนนิยายดูก็รู้สึกว่ามันเป็นกิจกรรมที่สุนทรีดีนะ ผมชอบเขียนแนวพีเรียดครับ แต่ไม่คิดว่าตัวเองถนัดนะ เพราะรู้สึกยากทุกครั้งเมื่อเริ่มเขียนแต่ละซีน เป็นเพราะเราไม่ได้เกิดในยุคสมัยนั้นด้วย แต่พอดีชอบอ่านงานแนวนี้เหมือนกัน คงเป็นอิทธิพลเรื่องของความชอบด้วย เวลาอ่านงานแนวนี้แล้วเกิดความรู้สึกว่าชีวิตมันเย็นๆ หมายถึง จังหวะของเรื่องมันไม่จำเป็นต้องรีบร้อนด้วย เพราะเราต้องใช้เวลาบรรยายลักษณะของสิ่งต่างๆ ในสมัยนั้น มันสนุกกับการค้นคว้าด้วยครับ ส่วนรสนิยมการเขียนนั้นชอบเขียนเรื่องราวที่ปมปัญหา เรื่องพาเครียด ชิงรักหักสวาท อิจฉาริษยา ความใคร่แรง เพราะชีวิตจริงมันสัมผัสง่าย เกิดขึ้นได้กับคนทุกชนชั้น เลยถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มของนักเขียนสายดราม่ามากกว่าโรแมนติก และผมชอบเล่นกับอารมณ์ของตัวละครครับ ชอบแกล้ง ชอบผูก ชอบสร้างความขัดแย้ง ดูเหมือนคนโรคจิตที่ไม่รักความสงบไหม? ถามว่าไม่หนักไปเหรอ? หนักครับ เพราะชีวิตจริงไม่ค่อยได้เจอเรื่องวุ่นวายเหมือนในนิยายเท่าไหร่ แต่ในความหนักมันก็สนุกดี เราชอบติดตามชีวิตคนที่มีเบื้องหลังหลากหลาย ไม่เพอร์เฟ็ค เพราะคนเหล่านี้จะมีบททดสอบให้พิสูจน์มากมาย มันน่าสนใจดี แต่ผมไม่แน่ใจว่าผมทำได้ดีแค่ไหน คนอ่านอินมากน้อยอย่างไร แต่ผมว่าผมก็อินในระดับหนึ่งนะอย่างเรื่อง ‘ฤๅรักเพียงฝัน’ ช่วงท้ายๆ ผมยังน้ำตาซึมให้นางเอกของตัวเอง(หัวเราะ) ที่ชอบเขียนนิยายยุคสมัย 2500 เพราะยุคนั้นการแต่งกายสวยงาม มีความเจริญรุ่งเรืองเข้ามาในระยะแรกๆ วิถีชีวิตคนจะมีความก่ำกึ่งในขณะที่เปลี่ยนผ่าน ผมหมายถึงคนวัยหนึ่งกับอีกวัยหนึ่ง สนุกดีครับ มีอะไรให้เล่นเยอะ ก่อนเขียนเนื้อเรื่องต้องเริ่มที่พล็อต ถ้ามีพล็อตแล้วก็เริ่มหาข้อมูลว่า ตัวละครสมัยที่เราเขียนนั้นอยู่ในฐานะอะไร ควรทำงานแบบไหน ใช้ชีวิตอย่างไร ความคิดของตัวละครที่เป็นผู้สูงศักดิ์เขามองสังคมแบบไหน ซึ่งความคิดของพวกเขาย่อมต่างจากผมอยู่แล้ว มันก็ท้าทายดี แต่ถ้าพูดถึงเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ผมว่าทุกฐานันดรก็คงไม่ต่างอะไรกันหรอก ในความเชื่อของผมนะ
สำหรับการปิดตัวของสำนักพิมพ์คงบอกได้ถึงความซบเซาครับ ก็กระทบกันไปเป็นลูกโซ่ นักเขียนก็ต้องวิ่งตามสถานการณ์นี้ให้ทันด้วย (ถ้ายังมุ่งมั่นที่จะวิ่งตามนะครับ) ส่วนในภาคธุรกิจ เนื่องจากผมไม่ได้เป็นผู้ลงทุน ไม่มีกิจการพิมพ์หนังสือ แต่พอทราบถึงความทุกข์ยากของผู้ประกอบการผ่านสถานการณ์ต่างๆ มาบ้าง คงต้องให้กำลังใจในวิกฤติการณ์นี้ครับ ที่รออย่างเดียวคือเศรษฐกิจฟื้นตัว ในฐานะนักเขียนผู้ชาย ผมมองว่ามันอาจไม่เกี่ยวกับความแตกต่างทางเพศนะครับ แต่ถ้าจะแตกต่างผมคิดว่ามันเป็นสไตล์การเขียนของนักเขียนมากกว่า มันเป็นนิสัยเฉพาะตัวเวลาเขียนหนังสือน่ะครับ เหมือนเราชอบอ่านงานที่เรื่องราวกระชับ ไม่ยืดเยื้อยืดยาดในซีนหนึ่งๆ เราก็เลยชอบเขียนลักษณะนั้น สำนวนจะเกี่ยวกับการมองโลกด้วย ผมชอบมองโลกในเชิงเสียดสี งานเขียนก็เลยออกแนวกระทบกระแทกตัวละครกันเองอยู่บ้าง เป็นการมองโลกแบบขำๆ น่ะครับ แต่ถ้าใครรู้สึกว่ามันไม่ขำ ก็ให้เรียกว่าตลกร้ายแล้วกัน(หัวเราะ) เสน่ห์ของงานเขียนชายกับหญิงก็คงเหมือนกับที่บอกข้างต้นคือ ผมมองที่ทัศนะคนเขียนมากกว่าความเป็นเพศครับ แต่เอาเข้าจริงๆนะ มีนักเขียนชายสองท่านที่ผมอ่านงานอยู่ก็ไม่ได้เขียนเหมือนกัน มีเสน่ห์ไม่เหมือนกัน เช่น เสน่ห์ของคุณรงค์ วงศ์สวรรค์ ไม่เหมือนกับเสน่ห์ของคุณซ่อนกลิ่น ขณะเดียวกันเสน่ห์ในงานของแม่อี๊ด (อาริตา , กันยามาส) ก็แตกต่างกับเสน่ห์ในงานของคุณหญิงวินิตา (ว.วินิจฉัยกุล) เสน่ห์ทั้งหมดที่ว่านั้นมันคือ เสน่ห์เฉพาะตัวของงานของแต่ละท่านมากกว่า ผมมองไม่เห็นความต่างระหว่างความเป็นเพศครับ อืม(คิดหนัก) งานของผมไม่ค่อยมีฉากเลิฟซีนเสียด้วยสิ จีบๆ กันธรรมดามีครับ แต่ฉากอัศจรรย์ผมจะเขียนแบบให้รู้ว่าสังวาสกันแล้วนะ อารมณ์มาประมาณหนึ่ง และมักเป็นอารมณ์ที่เกิดในสถานการณ์ชวนเคลิ้มจริงๆ ถึงจะเขียนได้ แฟนคลับสามารถติดตามได้ช่องทางแฟนเพจในเฟสบุค https://www.facebook.com/suriyatit.fan ครับ หรือติชมผลงานที่ท่านได้อ่านแล้วของ สุริยาทิศ สุทิวรา อาทิตย์กวี ก็สามารถอินบ็อกซ์บอกกล่าวมาตามช่องทางข้างต้น หรือทางอีเมล์ของผม jojoe_bodyslam@hotmail.com ครับ ที่เขียนจบตอนนี้เรื่อง ‘ลูกเขยวังแตก’ เป็นนิยายยุคราวๆ 2505 - 2510 แนวพีเรียดโรแมนติกดราม่า และตลกร้ายนิดๆ ครับ เตรียมส่งให้สำนักพิมพ์พิจารณาครับ และเรื่องใหม่แนวสยองขวัญ กับสำนักพิมพ์อักขระบันเทิงครับ อีกทั้งกำลังซุ่มเขียน ‘ซุ้มดอกทอง’ นิยายอีโรติกดราม่าจะลงให้อ่านเฉพาะอีบุคส์ที่ MEB ไม่นานเกินรอครับ”
เฉลยคำถามนิยายของ“กาสะลอง” : พี่เขยจอมเถื่อน
คำถามนิยายของ“สุริยาทิศ” เรื่องใหม่ที่รอสำนักพิมพ์พิจารณาชื่อ?
ทราบคำตอบเขียนชื่อ - ที่อยู่และคำตอบ ลงไปรษณียบัตรส่งมาที่ เปิดหน้านักเขียน 32/15 ซ.ลาดพร้าว 23 แขวง จันทรเกษม เขต จตุจักร กรุงเทพฯ 10900 ผู้ตอบถูก 3 ท่านจะได้รับหนังสือนิยายจาก สุริยาทิศ, สุทิวรา, อาทิตย์กวี (ขอบคุณที่สนับสนุนของรางวัล)